เอไลฟ์โชว์ผลงานปี 53 โตก้าวกระโดดข้ามขั้นนั่งเบอร์ 13 ของธุรกิจดันยอดเบี้ยรับรวมโตกว่า 65% ฟุ้งกลยุทธ์วางแผนเงินครบวงจรช่วยดัน ตั้งเป้าปีนี้เบี้ยรวมพันล้านบาท ด้านเอไอเอ รุกตลาดต่อเนื่องสังกรมธรรม์รับเทศกาลสงกรานต์"“คูณสาม ซูเปอร์เซฟ”ชูเบี้ยถูกแถมให้ความคุ้มครองเพิ่ม 3 เท่าหากเป็นรถส่วนตัวและวันหยุดนักขัตฤกษ์ไทย
นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด หรือ “เอไลฟ์” เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของธุรกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยมีเบี้ยรับรวม 633 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า65 % เป็นเบี้ยรับปีแรก 387 ล้าน เติบโต 79% ทำให้เอไลฟ์สามารถขยับอันดับตลาดเบี้ยรับปีแรกแบบสามัญขึ้นเป็นลำดับที่ 13 จากที่ 16 ในกลุ่มของประกันชีวิต และมีเบี้ยรับปีต่ออายุ 245 ล้านบาท เติบโต 46% ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีขนาดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 847 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 66 %
ทั้งนี้ในปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือ เติบโตเพิ่มขึ้น 57% จากปี 2553 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้า เนื่องจากจะมีการขยายฐานลูกค้า A-life plan ผ่านช่องทาง Wealth Management มากขึ้น โดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Wealth Assistant เป็นผู้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและวางแผนการบริหารเงินให้แก่ลูกค้า
สำหรับ กลยุทธ์การตลาดด้านการให้บริการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ในธุรกิจ 2 ด้าน คือ ด้านบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย และ ด้านแบบประกันออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและคุ้มค่าเทียบเท่าหน่วยลงทุนบางประเภทถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ไว้วางใจมาใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินของA-Life Plan (เอไลฟ์ แพลน) เพิ่มขึ้นเป็น 700 ราย เติบโตจากปีที่ก่อนหน้านี้ถึง 500%
นายเชาว์พันธุ์ กล่าวต่อว่า แนวทางการรุกตลาดที่ปรึกษาทางการเงินในไตรมาส 2 นี้ จะต้องปรับมุมมองของผู้บริโภค ให้เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์จากการวางแผนทางการเงินมากขึ้น เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจยังมองไม่ออกว่าการวางแผนการเงินจะช่วยให้ชีวิตเค้าดีขึ้นหรือมั่นคงขึ้นได้อย่างไร
ส่วนทางด้านผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอให้กับลูกค้าในปีนี้ ทางเอไลฟ์ก็ยังคงเน้นแบบประกันออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและคุ้มค่าเช่นเดิม แต่จะออกแบบให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น โดยล่าสุดทางเอไลฟ์ได้ดึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนฟินันซ่า จำกัด เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มทางเลือกของผลิตภัณฑ์การลงทุนให้กับลูกค้า
AIAออกกรมธรรม์รับวันหยุด
ด้าน นายรอน แวน โอเยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่าหลังจากบริษัทได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงหลักการขับขี่ปลอดภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน บริษัทจึงได้ออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “คูณสาม ซูเปอร์เซฟ” ที่มีอัตราเบี้ยประกันภัยเพียง 2,500 บาท แต่ให้ความคุ้มครองสูง”
ทั้งนี้ กรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองเป็น 3 เท่า โดยเริ่มต้นจากผลประโยชน์ความคุ้มครองเพิ่มเติมเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัยหากเสียชีวิตขณะเดินทางโดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และยังให้ความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมอีก 1 เท่ารวมเป็น 3 เท่าในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุใน 15 เทศกาลวันหยุดนักขัตฤกษ์ของไทย
นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองในวงเงิน 500,000 บาทกรณีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รวมทั้งการเสียชีวิตอันเนื่องจากอุบัติเหตุขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์
ส่วนค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องจากอุบัติเหตุจะให้วงเงิน 60,000 บาทต่อครั้ง และหากเป็นค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องจากกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุจะมีวงเงิน 30,000 บาท ขณะที่ ความคุ้มครองกรณีฆาตกรรม การจลาจล หรือลอบทำร้ายจะมีวงเงิน 250,000 บาท
นายเชาว์พันธุ์ พันธุ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด หรือ “เอไลฟ์” เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของธุรกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยมีเบี้ยรับรวม 633 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า65 % เป็นเบี้ยรับปีแรก 387 ล้าน เติบโต 79% ทำให้เอไลฟ์สามารถขยับอันดับตลาดเบี้ยรับปีแรกแบบสามัญขึ้นเป็นลำดับที่ 13 จากที่ 16 ในกลุ่มของประกันชีวิต และมีเบี้ยรับปีต่ออายุ 245 ล้านบาท เติบโต 46% ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีขนาดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 847 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 66 %
ทั้งนี้ในปี 2554 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท หรือ เติบโตเพิ่มขึ้น 57% จากปี 2553 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้า เนื่องจากจะมีการขยายฐานลูกค้า A-life plan ผ่านช่องทาง Wealth Management มากขึ้น โดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Wealth Assistant เป็นผู้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและวางแผนการบริหารเงินให้แก่ลูกค้า
สำหรับ กลยุทธ์การตลาดด้านการให้บริการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ในธุรกิจ 2 ด้าน คือ ด้านบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย และ ด้านแบบประกันออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและคุ้มค่าเทียบเท่าหน่วยลงทุนบางประเภทถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ไว้วางใจมาใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินของA-Life Plan (เอไลฟ์ แพลน) เพิ่มขึ้นเป็น 700 ราย เติบโตจากปีที่ก่อนหน้านี้ถึง 500%
นายเชาว์พันธุ์ กล่าวต่อว่า แนวทางการรุกตลาดที่ปรึกษาทางการเงินในไตรมาส 2 นี้ จะต้องปรับมุมมองของผู้บริโภค ให้เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์จากการวางแผนทางการเงินมากขึ้น เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจยังมองไม่ออกว่าการวางแผนการเงินจะช่วยให้ชีวิตเค้าดีขึ้นหรือมั่นคงขึ้นได้อย่างไร
ส่วนทางด้านผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอให้กับลูกค้าในปีนี้ ทางเอไลฟ์ก็ยังคงเน้นแบบประกันออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและคุ้มค่าเช่นเดิม แต่จะออกแบบให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น โดยล่าสุดทางเอไลฟ์ได้ดึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนฟินันซ่า จำกัด เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มทางเลือกของผลิตภัณฑ์การลงทุนให้กับลูกค้า
AIAออกกรมธรรม์รับวันหยุด
ด้าน นายรอน แวน โอเยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่าหลังจากบริษัทได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงหลักการขับขี่ปลอดภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อลดจำนวนผู้บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน บริษัทจึงได้ออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล “คูณสาม ซูเปอร์เซฟ” ที่มีอัตราเบี้ยประกันภัยเพียง 2,500 บาท แต่ให้ความคุ้มครองสูง”
ทั้งนี้ กรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองเป็น 3 เท่า โดยเริ่มต้นจากผลประโยชน์ความคุ้มครองเพิ่มเติมเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัยหากเสียชีวิตขณะเดินทางโดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และยังให้ความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมอีก 1 เท่ารวมเป็น 3 เท่าในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุใน 15 เทศกาลวันหยุดนักขัตฤกษ์ของไทย
นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองในวงเงิน 500,000 บาทกรณีประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รวมทั้งการเสียชีวิตอันเนื่องจากอุบัติเหตุขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์
ส่วนค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องจากอุบัติเหตุจะให้วงเงิน 60,000 บาทต่อครั้ง และหากเป็นค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องจากกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุจะมีวงเงิน 30,000 บาท ขณะที่ ความคุ้มครองกรณีฆาตกรรม การจลาจล หรือลอบทำร้ายจะมีวงเงิน 250,000 บาท
