ASTVผู้จัดการรายวัน - กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ขายดีต่อเนื่อง บลจ.พร้อมใจส่งกองทุนใหม่ ร่วมแชร์ส่วนแบ่ง พร้อมชงทางเลือกลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ชูผลตอบแทนจูงใจสูงสุด 2.75% ต่อปี
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 2/11 อายุประมาณ 6 เดือนถึงวันที่ 29 มีนาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้สถาบันการเงินไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตัวตราสาร และหรือผู้ออกตราสารในระดับ Investment Grade ณ วันที่ลงทุน รวมถึงตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ และหรือเงินฝากต่างประเทศด้วย
โดยกองทุนนี้จะทำสัญญาสวอป และ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) ของเงินต้นและดอกเบี้ยที่คาดว่าจะได้รับทั้งหมด(Fully Hedge) นอกจากนี้ การเข้าทำธุรกรรมหรือลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยง (Hedging)แต่จะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
ทั้งนี้ กองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 2/11 คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
ด้านบลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้จำนวน 3 กองทุน ระหว่างวันที่ 22 - 28 มี.ค. 54 โดยกองทุนที่เสนอขายประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 3M8 (SCBFI3M8) เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย เงินฝากธนาคารออมสิน/เงินฝาก Union National Bank สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์/ หุ้นกู้ระยะสั้น ธนาคารทหารไทย และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยกองทุนมีอายุ โครงการประมาณ 3 เดือน มีขนาดโครงการ 5,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี
กองทุนที่ 2 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M44 (SCBGB3M44) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง และเงินฝากประจำ กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน มีขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.15% ต่อปี
ส่วนกองทุนที่ 3 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M12 (SCBFI6M12) เป็นกองทุนที่ลงทุนใน เงินฝากธนาคารบาร์เคลย์/ ธนาคาร HSBC/ ธนาคาร National Bank of Abu Dhabi สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเงินฝากธนาคาร Union National Bank สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารทหารไทย/ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และพันธบัตรรัฐบาลไทย กองทุนมีอายุ โครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี
นอกจากนี้ บลจ. ไทยพาณิชย์ ยังเพิ่มทางลเอกการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเปิดเสนอขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในอาคารยูบีซี และอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ อาคารสำนักงานเกรด B ที่ตั้งอยู่ในทำเลดีศูนย์กลางธุรกิจ ย่านสุขุมวิทและมีผลการดำเนินงานดีอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเช่าสูงทำให้รายได้เพิ่ม โดยกองทุนจะเริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ (23 มี.ค.) ถึงวันที่ 29 มี.ค. 2554
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 2/11 อายุประมาณ 6 เดือนถึงวันที่ 29 มีนาคมนี้ โดยกองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้สถาบันการเงินไทย และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของตัวตราสาร และหรือผู้ออกตราสารในระดับ Investment Grade ณ วันที่ลงทุน รวมถึงตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศ และหรือเงินฝากต่างประเทศด้วย
โดยกองทุนนี้จะทำสัญญาสวอป และ/หรือสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง(Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) ของเงินต้นและดอกเบี้ยที่คาดว่าจะได้รับทั้งหมด(Fully Hedge) นอกจากนี้ การเข้าทำธุรกรรมหรือลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยง (Hedging)แต่จะไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
ทั้งนี้ กองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 2/11 คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
ด้านบลจ. ไทยพาณิชย์ เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้จำนวน 3 กองทุน ระหว่างวันที่ 22 - 28 มี.ค. 54 โดยกองทุนที่เสนอขายประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 3M8 (SCBFI3M8) เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย เงินฝากธนาคารออมสิน/เงินฝาก Union National Bank สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์/ หุ้นกู้ระยะสั้น ธนาคารทหารไทย และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยกองทุนมีอายุ โครงการประมาณ 3 เดือน มีขนาดโครงการ 5,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี
กองทุนที่ 2 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M44 (SCBGB3M44) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง และเงินฝากประจำ กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน มีขนาดโครงการ 2,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.15% ต่อปี
ส่วนกองทุนที่ 3 คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M12 (SCBFI6M12) เป็นกองทุนที่ลงทุนใน เงินฝากธนาคารบาร์เคลย์/ ธนาคาร HSBC/ ธนาคาร National Bank of Abu Dhabi สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเงินฝากธนาคาร Union National Bank สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารทหารไทย/ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และพันธบัตรรัฐบาลไทย กองทุนมีอายุ โครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี
นอกจากนี้ บลจ. ไทยพาณิชย์ ยังเพิ่มทางลเอกการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเปิดเสนอขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในอาคารยูบีซี และอาคารเพลินจิตเซ็นเตอร์ อาคารสำนักงานเกรด B ที่ตั้งอยู่ในทำเลดีศูนย์กลางธุรกิจ ย่านสุขุมวิทและมีผลการดำเนินงานดีอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเช่าสูงทำให้รายได้เพิ่ม โดยกองทุนจะเริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ (23 มี.ค.) ถึงวันที่ 29 มี.ค. 2554