บลจ.อเบอร์ดีน ปลื้ม นักลงทุนสนใจ"กองอินเดีย" ปิดไอพีโอ ได้ยอดลงทุนมากกว่าที่คาด ย้ำ ยังเป็นจังหวะลงทุนที่ดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แกร่ง เผย พอร์ตการลงทุนในญี่ปุ่นไม่ได้รับกระทบจากแผ่นดินไหว
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดขายกองทุน ต่างประเทศ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์ (ABIG) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ถึง14 มีนาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่านักลงทุนให้ความสนใจอย่างดีเกินความคาดหมาย โดยมียอดเงินลงทุนหลังปิดไอพีโออยู่ที่ 360 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากตลาดหุ้นอินเดียมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยมีบริษัทด้านการเงินเป็นกลุ่มนำตลาด ตามาด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ และกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันตลาดหุ้นอินเดีย มีความแข็งกร่งไม่ได้ปรับตัวลดลงมากเท่ากับตลาดในภูมิภาคเดียวกัน
"ดังนั้นการลงทุนในอินเดียช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแม้ว่าอินเดียจะเผชิญกับปัญหาในเรื่องเนเฟ้ออยู่ในขณะนี้ก็ตาม" นายชัยเกษม
นายชัยเกษม ยังกล่าวว่า จากผลกระทบการเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอินเดียอย่างมากเท่ากับตลาดใกล้เคียงอย่าง ตลาดฮ่องกง ขณะเดียวกัน บลจ. อเบอร์ดีน ซึ่งมีพอร์ตการลงทุนอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อย่าง บริษัท แคนนอนและกลุ่มการเงินนั้น ทางอเบอรดีนมองว่า ในแง่ของบริษัทนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรรุนแรง แต่เกิดผลกระทบในด้านของบรรยาการลงทุน ซึ่งก็เป็นผลกระทบเพียงในระยะสั้นเท่านั้น และคาดว่าการน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงประมาณสินเดือนเมษายน
สำหรับ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์ เน้นลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับอุปสงค์ที่กำลังเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินจากลูกค้าบริษัทและลูกค้ากลุ่มคน ชั้นกลางและ บริษัทที่ให้บริการระบบสารสนเทศจะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการว่าจ้างจากกลุ่มลูกค้าในประเทศพัฒนาแล้ว โดยพอร์ตการลงทุนมีหุ้นประมาณ 30 บริษัท ซึ่งเน้นเลือกบริษัทที่มีระดับความเสี่ยงจากกฎระเบียบและจากวงจรเศรษฐกิจต่ำ และมีการกระจายการลงทุนไปยังแต่ละอุตสาหกรรมโดยอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด (การเงิน) มีสัดส่วนการลงทุนที่น้อยกว่า 25% ของกองทุน
ด้าน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเอสแอนด์พี แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเอเชียจะยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ แม้ว่าญี่ปุ่นจะเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ แต่เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ยกเว้นออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จะเติบโตน้อยลงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยลบจากสหรัฐและกลุ่มยูโรโซน
นอกจากนี้ เอสแอนด์พียังเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของบริษัทญี่ปุ่นอาจมีปัญหาหากการฟื้นตัวจากเหตุภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 140 ปีของญี่ปุ่นเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้จะรุนแรงมากกว่าเมื่อครั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่โกเบในปี1999
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดขายกองทุน ต่างประเทศ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์ (ABIG) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ถึง14 มีนาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่านักลงทุนให้ความสนใจอย่างดีเกินความคาดหมาย โดยมียอดเงินลงทุนหลังปิดไอพีโออยู่ที่ 360 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากตลาดหุ้นอินเดียมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยมีบริษัทด้านการเงินเป็นกลุ่มนำตลาด ตามาด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ และกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันตลาดหุ้นอินเดีย มีความแข็งกร่งไม่ได้ปรับตัวลดลงมากเท่ากับตลาดในภูมิภาคเดียวกัน
"ดังนั้นการลงทุนในอินเดียช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่ดีจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแม้ว่าอินเดียจะเผชิญกับปัญหาในเรื่องเนเฟ้ออยู่ในขณะนี้ก็ตาม" นายชัยเกษม
นายชัยเกษม ยังกล่าวว่า จากผลกระทบการเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดอินเดียอย่างมากเท่ากับตลาดใกล้เคียงอย่าง ตลาดฮ่องกง ขณะเดียวกัน บลจ. อเบอร์ดีน ซึ่งมีพอร์ตการลงทุนอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อย่าง บริษัท แคนนอนและกลุ่มการเงินนั้น ทางอเบอรดีนมองว่า ในแง่ของบริษัทนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรรุนแรง แต่เกิดผลกระทบในด้านของบรรยาการลงทุน ซึ่งก็เป็นผลกระทบเพียงในระยะสั้นเท่านั้น และคาดว่าการน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงประมาณสินเดือนเมษายน
สำหรับ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์ เน้นลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับอุปสงค์ที่กำลังเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินจากลูกค้าบริษัทและลูกค้ากลุ่มคน ชั้นกลางและ บริษัทที่ให้บริการระบบสารสนเทศจะได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการว่าจ้างจากกลุ่มลูกค้าในประเทศพัฒนาแล้ว โดยพอร์ตการลงทุนมีหุ้นประมาณ 30 บริษัท ซึ่งเน้นเลือกบริษัทที่มีระดับความเสี่ยงจากกฎระเบียบและจากวงจรเศรษฐกิจต่ำ และมีการกระจายการลงทุนไปยังแต่ละอุตสาหกรรมโดยอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด (การเงิน) มีสัดส่วนการลงทุนที่น้อยกว่า 25% ของกองทุน
ด้าน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเอสแอนด์พี แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเอเชียจะยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ แม้ว่าญี่ปุ่นจะเผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิ แต่เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ยกเว้นออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จะเติบโตน้อยลงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อยเนื่องจากปัจจัยลบจากสหรัฐและกลุ่มยูโรโซน
นอกจากนี้ เอสแอนด์พียังเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของบริษัทญี่ปุ่นอาจมีปัญหาหากการฟื้นตัวจากเหตุภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 140 ปีของญี่ปุ่นเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้จะรุนแรงมากกว่าเมื่อครั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่โกเบในปี1999
