xs
xsm
sm
md
lg

"ประภา"สานฝันMFCขึ้นแท่นเบอร์3 แต่เสียมือดี"ศุภกร"ลาออกสิ้นเดือนนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดตัว "ประภา" เอ็มดีคนใหม่ ประกาศสานต่อเป้าหมายดันสินทรัพย์โต 3.3 แสนล้าน และก้าวขึ้นเป็น บลจ.อันดับ 3 ของอุตสาหกรรมให้เร็วที่สุด ประเดิมแผนจับมือแบงก์ออมสินขายหน่วยลงทุนผ่านสาขา พร้อมลุยกองทุนรวมสาธารณูปโภคปั้นเอยูเอ็ม ล่าสุด เสียมือดีอีกคน หลัง "ศุภกร" ยื่นใบลาออก มีผลสิ้นเดือนนี้

นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าสิ้นปี54 นี้จะสามารถเพิ่มสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ขึ้นเป็น 3.3 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 53 ที่ 2.6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 27% ได้ตามเป้าหมายที่ทางคณะกรรมการวางไว้ได้ และตั้งเป้าที่จะกลับขึ้นมาเป็นบลจ.ที่มีสินทรัพย์สุทธิใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรมให้เร็วที่สุดด้วย โดยบริษัทจะมีการเพิ่มช่องทางการขายผ่านตัวแทนขาย (Selling Agent) จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% ขึ้นเป็น 20% หรือเพิ่มขึ้น 100% ในสิ้นปี54 นี้

ทั้งนี้ บริษัทจะได้สถาบันการเงินของรัฐที่ยังไม่เคยขายโพรดักท์กองทุนมาก่อนเลยมาช่วยขายกองทุนรวมให้ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งใหญ่ของบริษัท หนึ่งในนั้นคือธนาคารออมสินซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงสถาบันการเงินที่เป็นธนาคารภาครัฐอื่นๆ ที่มีความสนใจจะเข้ามาเป็นตัวแทนขายกองทุนให้กับบริษัทด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าภใยในไตรมาสที่3/54 น่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ โดยเบื้องต้นโพรดักท์ที่จะขายผ่านเครือข่ายธนาคารรัฐนี้จะเป็นโพรดักท์กองทุนง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เช่น กองทุนตราสารตลาดเงิน กองทุนเทอมฟันด์ กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ รวมถึงกองทุนประหยัดภาษี เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมจะตั้งกองทุนสาธารณูปโภค (Infrastruture Fund) ให้ได้ประมาณไตรมาสที่ 4/54 มูลค่าโครงการตามแผนประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเข้าไปลงทุนในโครงการของภาคเอกชนก่อน ได้แก่ โรงไฟฟ้า ซึ่งมีการผลิตสร้างรายได้แล้ว โดยหวังว่าในอนาคตจะมีโครงการภาครัฐติดตามมาเช่นกัน ตอนนี้รอเพียงกฎเกณฑ์เรื่องภาษีที่ชัดเจนของกองทุน Infrastructure Fund ให้ประกาศออกมาชัดเจนเท่านั้นเอง

นางสาวประภากล่าวต่อว่า ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตสูง โดยเฉพาะหลังจากที่พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากเริ่มใช้เต็มรูปแบบหลังวันที่ 11 ส.ค. 55 เป็นต้นไป เพราะจะทำให้นิติบุคคลหรือลูกค้าบุคคลที่เป็นกลุ่มมีฐานะจะเริ่มมองหาทางเลือกในการฝากเงิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปเจรจานำเสนอบริการให้กับกลุ่มลูกค้าใหม่อีกประมาณ 10 แห่ง ซึ่งรอเพียงทางลูกค้ามีการแก้ไขกฎเกณฑ์เดิมที่มีอยู่จากที่เคยให้ฝากเงินที่มีอยู่โดยจะมีการเพิ่มให้สามารถจ้างผู้จัดการกองทุนได้เท่านั้นเอง ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลจึงเป็นธุรกิจที่น่าจะมีการเติบโตสูงเช่นกัน

สำหรับธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์สุทธิมากเป็นอันดับ2 ของอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 7.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งในเดือนเม.ย.จะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาให้บริหารอีก 1.2 หมื่นล้านบาท นั่นจะทำให้บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประมาณ 8.6 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.05 แสนล้านบาท ให้ได้ในสิ้นปี54 นี้
"โดยบริษัทจะมีการ Cross Product ในส่วนของกองทุนรวมและกองทุนอสังหาริมทรัพย์มาให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ นอกเหนือจากการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับสมาชิกแล้ว รวมถึงการเปิดตลาดใหม่ในส่วนของบริษัทเอกชนที่สนใจจะตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้นด้วย"นางสาวประภากล่าว

ส่วนผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นต่อกองทุนนั้น ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนที่ไปลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นบางส่วนอยู่ประมาณ 9 กองทุน แต่บริษัทก็ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นต่ำกว่าดัชนีเทียบวัดมาตั้งแต่ต้น โดยมีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ 4.6 - 25% ซึ่งตอนนี้ทางผู้จัดการกองทุนของบริษัทได้ติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นในญี่ปุ่นออกแต่ประการใด ในทางตรงข้ามหากตลาดหุ้นปรับตัวลงมาน่าจะเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนเอาไว้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ยื่นหลังสือลาออกจากการเป็นรองกรรมการผู้จัดการแล้ว โดยจะมีผลภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งหลังจากนี้ คงจะมีการสรรหาบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น