บลจ.ไทยพาณิชย์ ประเมินผลกระทบเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นต่อประเทศไทยมีจำกัด แต่มีหลาย sector ได้ประโยชน์ แนะเป็นโอกาสเหมาะ เชียร์นักลงทุนทยอยซื้อหุ้นเพิ่ม กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มเหล็ก กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงรายงานผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นต่อการลงทุนในประเทศไทยว่า สำหรับประเทศไทย sector ที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีด้วยกันหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากโรงกลั่นอย่าง น้อย 4 แห่งที่ญี่ปุ่นต้องปิดทำการลง ย่อมทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น รวมถึง กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มเหล็ก กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งโรงงานหลายแห่งต้องปิดทำการลงชั่วคราว เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้า หลังประสบปัญหาโรงงานพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ระเบิดจะส่งผลให้อุปทานรวมในตลาดลดลง ความต้องการในการนำเข้าจะไปเพิ่มขึ้นในตลาดประเทศอื่นแทน รวมถึงประเทศไทย และผลักดันให้ราคาผลิตภัณฑ์ในหมวดดังกล่าวเพิ่มขึ้นตาม นอกจากนั้น ความเสียหายอย่างรุนแรงต่อแหล่งปศุสัตว์และการประมงญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นซึ่งมีประชากรกว่า 130 ล้านคน ต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศมากขึ้น แน่นอนว่ากลุ่มส่งออกอาหารจะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบดังกล่าว ตลาดได้รับรู้ไปมากแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งดัชนีปรับตัวลงมากว่า 12 จุด แต่หากพิจารณาปัจจัย ข้างต้น ซึ่งเรามองว่า ในระยะสั้นถึงปานกลาง (เพราะโรงงานในญี่ปุ่นไม่น่าจะเปิดทำการได้ในเร็ววันนี้และจะต้องใช้เวลานาน จึงจะสามารถกลับมาใช้กำลังการผลิตได้เท่าระดับเดิม) น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่า ประกอบกับ ปัจจัยอื่น ไม่ว่าจะเป็นกรณีความวุ่นวายในตะวันออก โดยเฉพาะประเทศซาอุฯ ที่ไม่เกิดเหตุการณ์บานปลาย ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่อง ย่อมเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก รวมถึงข่าวการเลือกตั้งเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้มีการใช้จ่ายสะพัดมากขึ้นในการหาเสียง ในระยะช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ดังนั้น เราจึงมองว่า ช่วงนี้ถือเป็นเป็นจังหวะที่ดี ที่นักลงทุน น่าจะเข้าไปทยอยสะสมหุ้น กองทุนหุ้น หรือกองทุน LTF เพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ SET Index Target ปลายปี 2554 ที่ 1,200 จุด
ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 2” (SCB TRIGGER 10% FUND 2) อายุประมาณ 1 ปี โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโต ผสมกับตราสารหนี้หรือเงินฝาก หรือ SET50 Index Futures ด้วยมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายระหว่างวันที่ 15-21 มีนาคม 2554 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 2 มีจุดเด่นที่กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% และสามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนดภายใน 1 ปี หากมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับหรือมากกว่า 11.20 บาท/หน่วยเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน และวันทำการถัดไปทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝากทั้งหมด และสามารถรับซื้อคืนได้ไม่ต่ำกว่า 11 บาท/หน่วย หรือ ณ วันทำการใดทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝาก และบริษัทสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในมูลค่าไม่น้อยกว่า 11 บาท/หน่วย โดยผู้จัดการกองทุนจะคอยจับจังหวะการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีปรับน้ำหนักการลงทุนและเงินสดให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ และอาจใช้ SET50 Index Futures เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดขาลง