กองทุนมั่นใจพื้นฐานหุ้นไทยแกร่ง ส่งทาร์เก็ตฟันด์ดักเก็บหุ้นถูก "ไทยพาณิชย์" ประเดิมร่วมวงครั้งแรก ส่ง “ทริกเกอร์10%” ลุยหุ้นพื้นฐานดี ล๊อกเป้าหมาย 1 ปี กำไร 10% มั่นใจปัจจัยบวกหนุนตลาดหุ้นไทยปี 54 สดใส ด้าน "ไอเอ็นจี" เข็นกองทุนที่ 3 เอาใจนักลงทุนต่อเนื่อง หลังจากดีมานด์ยังล้น ล็อกเป้า 10% ปิดกองเช่นกัน
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุน “ไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 1” (SCB TRIGGER 10% FUND 1) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 1 ปี กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโต ผสมกับตราสารหนี้หรือเงินฝาก หรือ SET50 Index Futures โดยกองทุนจะเปิดขายระหว่างวันที่ 22-28 กุมภาพันธ์ 2554 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 1 มีจุดเด่นที่กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% และสามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนดภายใน 1 ปี หากมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับหรือมากกว่า 11.20 บาท/หน่วยเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน หรือบริษัทจะซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดในมูลค่าไม่น้อยกว่า 11 บาท/หน่วย โดยผู้จัดการกองทุนจะคอยจับจังหวะการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีปรับน้ำหนักการลงทุนและเงินสดให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ และอาจใช้ SET50 Index Futures เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดขาลง
"สำหรับกลยุทธ์การบริหารกองทุนจะเน้นเชิงรุกโดยจัดสรรน้ำหนักการลงทุนและการคัดสรรหุ้นเพื่อลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีมีการเติบโตสูง ราคาไม่แพงเกินไป และได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการบริโภคในประเทศ อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน เป็นต้น"นางโชติกากล่าว
นางโชติกากล่าวว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นในปีนี้ยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ที่คาดว่าจะเติบโต 4-5% สูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องภายในประเทศอยู่ในระดับสูง รวมถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมการเลือกตั้ง รวมทั้งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง และจากการประเมินมูลค่าหุ้น( Valuation) ของตลาดหุ้นไทยยังคงไม่แพงเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในอดีตและค่าเฉลี่ยภูมิภาค
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 930 - 1,200 จุด และปิดสิ้นปีที่ระดับ 1,150 จุด คิดเป็นระดับ P/E 2554 ที่ 13.5 เท่า ซึ่งคาดว่าตลาดหุ้นในครึ่งปีแรกจะผันผวนอยู่ในกรอบ 930 - 1,050 จุดจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และปัญหาหนี้สินของประเทศในกลุ่มยุโรป อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นในครึ่งหลังของปีคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,200 จุดได้ จากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเติบโตดี ความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ลดลง และการไหลเข้าของเงินทุนตามแนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งตัว
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) ที่เสนอขายในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก จนทำให้กองทุนดังกล่าวสามารถปิดการขายด้วยการยอดขายที่สูงจนเต็มมูลค่าโครงการที่ 1 พันล้านบาทในเวลาเพียง 4 วันนับจากเปิดจอง และยังมีลูกค้าจำนวนหนึ่งพลาดโอกาสในการลงทุน ทำให้ บลจ.ไอเอ็นจี ตัดสินใจออก กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ (3) อายุ ปี เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ถึง 3 มีนาคม 2554 จองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท
โดยกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ (3) จะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเติบโตสูง และการใช้เทคนิคเรื่องการจับจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย โดยเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ พร้อมเลิกกองทุน และนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนใน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์
นายต่อกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ภาวะตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีมีการปรับตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3) เนื่องจากกองทุนประเภทนี้ จะเหมาะกับตลาดที่มีความผันผวน ด้วยเทคนิคการจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) โดยผู้จัดการกองทุนจะหาช่วงเวลาที่ดีในการซื้อขายหุ้นเพื่อทำกำไรเป็นรอบ แม้ดัชนีจะมีการแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัดก็ตาม ขณะที่เทคนิคการคัดเลือกและการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการดี (Stock Selection) ก็จะส่งผลให้การปรับขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนมีมากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ จึงเชื่อว่าด้วยเทคนิคการบริหารข้างต้นจะทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายได้
นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่แล้วจะเห็นได้ว่า มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติจนทำให้มีสถานะซื้อสุทธิติดต่อกันถึง 3 วันทำการ แต่แรงซื้อดังกล่าวก็ยังถือว่าไม่มากหากเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างชาติมีการขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองว่าแรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้หากกลับเข้ามาเท่าเดิมก็จะช่วยผลักดันดัชนีให้สามารถปรับตัวขึ้นไปได้ใกล้เคียงหรือมากกว่าจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ได้ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตได้ในราว 17%-18% จึงไม่ยากที่จะได้เห็นดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยเสริมที่จะสนับสนุนโอกาสในการสร้างผลตอบแทนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3) ให้เข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่ไม่นานนัก