xs
xsm
sm
md
lg

SCBAMมั่นใจดัชนีไป1,200จุด ส่งทริกเกอร์ฟันด์เก็บหุ้น-ล็อคเป้า10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ไทยพาณิชย์ ส่งทริกเกอร์ฟันด์กองที่ 2 เก็บหุ้นไทย หลังประเมินพื้นฐานยังดี ดันดัชนีไปต่อ 1,200 จุด ชูกลยุทธ์บริหารเชิงรุก ลุยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการบริโภคภายในประเทศ ไอพีโอวันนี้ (15 มี.ค.) ถึง 21 มีนาคมนี้

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 2” (SCB TRIGGER 10% FUND 2) อายุประมาณ 1 ปี โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโต ผสมกับตราสารหนี้หรือเงินฝาก หรือ SET50 Index Futures ด้วยมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายระหว่างวันที่ 15-21 มีนาคม 2554 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 2 มีจุดเด่นที่กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% และสามารถปิดกองทุนได้ก่อนกำหนดภายใน 1 ปี หากมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับหรือมากกว่า 11.20 บาท/หน่วยเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน และวันทำการถัดไปทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝากทั้งหมด และสามารถรับซื้อคืนได้ไม่ต่ำกว่า 11 บาท/หน่วย หรือ ณ วันทำการใดทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดหรือเงินฝาก และบริษัทสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในมูลค่าไม่น้อยกว่า 11 บาท/หน่วย โดยผู้จัดการกองทุนจะคอยจับจังหวะการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีปรับน้ำหนักการลงทุนและเงินสดให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ และอาจใช้ SET50 Index Futures เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดขาลง

สำหรับกลยุทธ์การบริหารกองทุนนั้น นางโชติกา กล่าวว่า จะเน้นการบริหารเชิงรุก โดยจัดสรรน้ำหนักการลงทุนและการคัดสรรหุ้น เพื่อลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีมีการเติบโตสูง และได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการบริโภคภายในประเทศ อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มอาหาร เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 1,200 จุด ได้ภายในปี 2554 โดยเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ที่ดี ทั้งด้านการบริโภค การส่งออก การลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยคาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 15-20% จะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยตลอดปี 2554 อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออาจสร้างความกังวลให้ตลาดหุ้นอยู่บ้างแต่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ ในช่วงเดียวกันยังได้เสนอขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่เป็นการผสมเงินฝากธนาคารต่างประเทศกับตราสารหนี้ในประเทศเพิ่มอีกจำนวน 2 กองทุน ขนาดมูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M11 (SCBFI6M11 ) อายุ 6 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี มีนโยบายการลงทุนในเงินฝากธนาคาร HSBC หรือธนาคาร National Bank of Abu Dhabi ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE)โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือจากฟิทช์เรทติ้งส์ อยู่ที่ F1+ มีสัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Union National Bank ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ ที่ F1 สัดส่วน 25% หุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารทหารไทย และ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) อันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ F1/ F1+ สัดส่วน 50% ที่เหลือเป็นพันธบัตรรัฐบาลไทย 5% พร้อมปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เรียบร้อยแล้ว

ส่วนอีกหนึ่งกองทุนที่เปิดขายคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 3M 6 (SCBFI3M6) อายุ 3 เดือน คาดผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี โดยลงทุนในเงินฝากธนาคารออมสิน 20% หุ้นกู้ระยะสั้นและเงินฝากธนาคารต่างประเทศ ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตจากฟิทช์ เรทติ้งส์ อยู่ที่ F1/F1+ ในสัดส่วน 25% เท่ากัน คือ หุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) และธนาคารทหารไทย และเงินฝาก ธนาคาร Union National Bank ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ส่วนที่เหลือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 5%
กำลังโหลดความคิดเห็น