บริษัทแม่อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต โชว์ผลงานปี 53 รายได้เพิ่มกว่า 4.29 ล้านล้านบาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเผย กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังยอดรายได้เกือบทุกด้านโต รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพทำให้ฟื้นจากภาวะวิกฤตที่ผ่านมาได้
กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัทอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) รายงานว่า ผลประกอบการปีนี้ 2553 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 106.5 พันล้านยูโร (หรือคิดเป็น 4.29 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9.3% โดยเป็นรายได้จากค่าเบี้ยประกันของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพเติบโต 57.1 พันล้านยูโร (2.30 ล้านล้านบาท) โดยกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วนและผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องแตะ 5.2 พันล้านยูโร (2.09 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12% จาก 4.65 พันล้านยูโร (1.87 แสนล้านบาท) ในปี 2552
นอกจากนี้ในส่วนของอัตราส่วนเงินกองทุนปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 173%
ด้าน นายไมเคิล ดิกแมนน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อลิอันซ์ เอสอี กล่าวว่า บริษัทมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับการเติบโตอย่างมากมายในปี 2553 ถือเป็นการเติบโตของรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกำไรจากการปฏิบัติงานก็เติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าอลิอันซ์มีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงได้ในระดับที่ดีมาก จนสามารถพลิกฟื้นจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 และ 2552 ขึ้นมามีกำไรและมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง และนี่ถือเป็นพื้นฐานสำหรับความยืดหยุ่นและความมั่นคงที่ลูกค้า นักลงทุนและพนักงานสามารถคาดหวังจากบริษัทได้
ทั้งนี้รายงานจากกลุ่มอลิอันซ์ เปิดเผยอีกว่า ธุรกิจประกันวินาศภัย มีแนวโน้มที่ดีในด้านราคาที่เป็นบวกในตลาดหลัก รวมถึงมีการเติบโตในส่วนของธุรกิจการรับประกันภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2553 ส่งผลให้ยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้น 3.2% มาอยู่ที่ 43.9 พันล้านยูโร (1.77 ล้านล้านบาท)
กำไรจากการดำเนินงานเติบโต 5.9% คิดเป็น 4.3 พันล้านยูโร (1.73 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 4.1 พันล้านยูโร (1.65 แสนล้านบาท) ในปี 2552 การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากรายได้จากการลงทุนและจากธุรกิจการรับประกันภัยแม้จะประสบกับภาวะความสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในปริมาณที่สูงก็ตาม โดยผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1.3 พันล้านยูโร (5.23 หมื่นล้านบาท) หรือสูงเกือบเป็นสามเท่าของปี 2552 ที่มีมูลค่าความเสียหาย 447 ล้านยูโร (1.80 หมื่นล้านบาท)
ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ สามารถสร้างรายได้จากค่าเบี้ยประกันได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่า 57.1 พันล้านยูโร (หรือคิดเป็น 2.30 ล้านล้านบาท) เติบโตเพิ่มขึ้น 12.5% จาก 50.8 พันล้านยูโร (2.04 ล้านล้านบาท) ในปี 2552 เป็นผลมาจากความต้องการที่สูงขึ้นในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบพ่วงการลงทุน และประกันชีวิตแบบทั่วไป
นอกจากนี้ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยในปี 2553 มูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการเติบโตเพิ่มขึ้น 26.2% ทำสถิติใหม่สูงสุด คิดเป็นมูลค่า 1,518 พันล้านยูโร (61.09 ล้านล้านบาท) สินทรัพย์บุคคลภายนอกภายใต้การจัดการมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,164 พันล้านยูโร (46.85 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 25.7% จาก 926 พันล้านยูโร (37.27 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นปี 2552 ยอดเงินไหลเข้าสุทธิจากบุคคลภายนอกปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะ 113 พันล้านยูโร (4.55 ล้านล้านบาท)
กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัทอยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) รายงานว่า ผลประกอบการปีนี้ 2553 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 106.5 พันล้านยูโร (หรือคิดเป็น 4.29 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 9.3% โดยเป็นรายได้จากค่าเบี้ยประกันของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพเติบโต 57.1 พันล้านยูโร (2.30 ล้านล้านบาท) โดยกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วนและผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องแตะ 5.2 พันล้านยูโร (2.09 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12% จาก 4.65 พันล้านยูโร (1.87 แสนล้านบาท) ในปี 2552
นอกจากนี้ในส่วนของอัตราส่วนเงินกองทุนปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 173%
ด้าน นายไมเคิล ดิกแมนน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อลิอันซ์ เอสอี กล่าวว่า บริษัทมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับการเติบโตอย่างมากมายในปี 2553 ถือเป็นการเติบโตของรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกำไรจากการปฏิบัติงานก็เติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าอลิอันซ์มีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงได้ในระดับที่ดีมาก จนสามารถพลิกฟื้นจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 และ 2552 ขึ้นมามีกำไรและมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง และนี่ถือเป็นพื้นฐานสำหรับความยืดหยุ่นและความมั่นคงที่ลูกค้า นักลงทุนและพนักงานสามารถคาดหวังจากบริษัทได้
ทั้งนี้รายงานจากกลุ่มอลิอันซ์ เปิดเผยอีกว่า ธุรกิจประกันวินาศภัย มีแนวโน้มที่ดีในด้านราคาที่เป็นบวกในตลาดหลัก รวมถึงมีการเติบโตในส่วนของธุรกิจการรับประกันภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2553 ส่งผลให้ยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้น 3.2% มาอยู่ที่ 43.9 พันล้านยูโร (1.77 ล้านล้านบาท)
กำไรจากการดำเนินงานเติบโต 5.9% คิดเป็น 4.3 พันล้านยูโร (1.73 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 4.1 พันล้านยูโร (1.65 แสนล้านบาท) ในปี 2552 การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากรายได้จากการลงทุนและจากธุรกิจการรับประกันภัยแม้จะประสบกับภาวะความสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติในปริมาณที่สูงก็ตาม โดยผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1.3 พันล้านยูโร (5.23 หมื่นล้านบาท) หรือสูงเกือบเป็นสามเท่าของปี 2552 ที่มีมูลค่าความเสียหาย 447 ล้านยูโร (1.80 หมื่นล้านบาท)
ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ สามารถสร้างรายได้จากค่าเบี้ยประกันได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่า 57.1 พันล้านยูโร (หรือคิดเป็น 2.30 ล้านล้านบาท) เติบโตเพิ่มขึ้น 12.5% จาก 50.8 พันล้านยูโร (2.04 ล้านล้านบาท) ในปี 2552 เป็นผลมาจากความต้องการที่สูงขึ้นในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบพ่วงการลงทุน และประกันชีวิตแบบทั่วไป
นอกจากนี้ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยในปี 2553 มูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการเติบโตเพิ่มขึ้น 26.2% ทำสถิติใหม่สูงสุด คิดเป็นมูลค่า 1,518 พันล้านยูโร (61.09 ล้านล้านบาท) สินทรัพย์บุคคลภายนอกภายใต้การจัดการมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,164 พันล้านยูโร (46.85 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 25.7% จาก 926 พันล้านยูโร (37.27 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นปี 2552 ยอดเงินไหลเข้าสุทธิจากบุคคลภายนอกปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะ 113 พันล้านยูโร (4.55 ล้านล้านบาท)
