xs
xsm
sm
md
lg

เอเชียยังเป็นเป้าหมายนักลงทุน ก.ล.ต.เชื่อพื้นฐานศก.ไทยดึงเงินได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ก.ล.ต. มองเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง ชี้ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ ขยายตัวอย่างช้าๆ ขณะที่ยุโรปยังต้องติดตามปัญหาด้านการคลัง ระบุเป็น 2 ปัจจัยดึงเงินเข้าเอเชียต่อ ส่วนไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจดี ดึงเงินลงทุน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คงเป็นไปอย่างช้า ๆ ส่วนในด้านสหภาพยุโรปคงยังต้องติดตามการแก้ไขปัญหาด้านการคลังของประเทศสมาชิกอยู่ต่อไป ความสนใจของนักลงทุนจึงยังเน้นอยู่ที่ภูมิภาคเอเชียเช่นเดิม สำหรับเศรษฐกิจของไทยก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่องถึงแม้จะไม่สูงเหมือนปีที่ผ่านมา โดยสภาพัฒน์ฯ ประมาณการเศรษฐกิจของไทยในปี นี้ จะเติบโตที่ประมาณร้อยละ 3.5-4.5 ข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 11 และ ณ สิ้นปี 2553 รัฐบาลมียอดขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ร้อยละ 1 และมีหนี้สาธารณะต่อGDP ร้อยละ 42 ข้อมูล ณ เดือน ตุลาคม 2553 รวมทั้งมีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 172 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจมหภาคของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในเดือนตุลาคม 2553 รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติโดยยกเลิกการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 สำหรับรายได้จากดอกเบี้ยและกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ปริมาณการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติชะงักงันไป แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราวเพราะเพียงไม่นานก็มีเงินทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยดังเดิม แสดงว่าการออกมาตรการดังกล่าวมิได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติมากนัก อย่างในปีที่แล้วพบว่านักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 3.2 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 15 เท่าเมื่อเทียบกับมูลค่าในปี 2552 และในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนม.ค. ปี 2554 นักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมียอดซื้อสุทธิอยู่ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว

ปัจจัยที่จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ยังมีปัจจัยเรื่องการพัฒนาการบริหารจัดการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน โดยในปีที่ผ่านมา Asian Corporate Governance Association (ACGA)ร่วมกับ Credit Lyonnais Securities Asia (CLSA) ซึ่งเป็นองค์กรที่ประเมินระดับ corporate governance ของประเทศในเอเชีย 11ประเทศเป็นประจำทุกปี ได้เลื่อนอันดับของไทยสูงขึ้นจากอันดับที่ 8 เป็นอันดับที่ 4 โดยประเด็นที่ได้รับคะแนนสูงขึ้นได้แก่ การที่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนที่สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดทุนอย่างจริงจัง มีการแก้ไขกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับการยกระดับการกำกับดูแลกิจการ

นอกจากนี้ ไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียนยังได้รับประโยชน์จากการดำเนินการของ ก.ล.ต. อาเซียน (ACMF) ที่เราเองทำหน้าที่เป็นประธานอยู่ด้วยอีกทางหนึ่ง โดย ก.ล.ต. อาเซียนได้กำหนดแผนงานเพื่อเชื่อมโยงตลาดทุนของอาเซียนกันมากขึ้น และได้รับอนุมัติเป้าหมายที่จะผลักดันสินค้าอาเซียนแบรนด์ให้มีคุณภาพดี ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นใน Corporate Governance และมาตรฐานบัญชีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนอาเซียน ในด้านการเปิดเผยข้อมูลในการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ภายในอาเซียนต้องมีมาตรฐานเดียวกันโดย ACMF ได้มีการจัดทำมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลในอาเซียน (ASEANand Plus Standards) ซึ่งมีมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยได้ประกาศใช้แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น