บลจ. ทหารไทย ชี้ ราคาน้ำมันอาจขึ้นอีกหากการประท้วงในลิเบียยังไม่สงบ แนะนักลงทุน อย่าลงทุนในน้ำมันยาวเพราะผันผวน ระบุให้ถือทองคำไว้ในพอร์ตเพื่อกันเงินเฟ้อ ด้าน "โกลเบล็ก โฮลดิ้ง" คาดราคาทองยังคงเป็นขาขึ้น แต่ความผันผวนยังมี ให้นักลงทุนระวัง
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การประท้วงที่เกิดขึ้นในลิเบียนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมา เนื่องจากมีความกังวลว่าปัญหาอาจจะลุกลามออกไปมาก ซึ่งหากปัญหาการประท้วงที่เกิดขึ้นหากลุกลามออกไปจริงก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ ขณะเดียวกันแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะเข้าลงทุนและขายทำกำไร ไม่แนะนำให้ลงทุนในระยะยาวเพราะราคาน้ำมันมีความผันผวน
ขณะเดียวกันจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น มองว่าราคาน้ำมันทั้งปีน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย ออยล์ฟันด์ ล่าสุด ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการดำเนินงาน 3 เดือนอยู่ที่ 16.74% เทียบกับดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index (สกุลเงินบาท) อยู่ที่ 18.39% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 24.80% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 26.40% และเมื่อเทียบกับดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index (สกุลดอลล่าร์สหรัฐ) อยู่ที่ 16.15% และ 30.05% ตามลำดับ
ส่วนทางด้านกองทุนเปิดทหารไทย โกลด์ สิงคโปร์ ที่เพิ่งเปิดขายไปเมื่อวันที่ 24 มกราคม นั้น นายไพศาล กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่เปิดขายก็มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนกันประมาณกว่า 400 ล้านบาท โดยนักลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทคอมมอดิตี้มากขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นดังนั้นการลงทุนในทองคำจึงได้รับความสนใจในช่วงนี้
ทั้งนี้ ราคาทองคำในปัจจุบันยังถือว่านักลงทุนยังไม่สูงมาก ถ้ามองจากแนวโน้มของราคาทองคำที่อาจมีการปรับตัวขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นนักลงทุนสามารถลงทุนทองคำไว้ในพอร์ตการลงทุนบ้างเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) เปิดเผยถึง ทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ โดยปัจจัยหลัก คือสงครามกลางเมืองในลิเบียที่ยังไม่คลี่คลายลงอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับ สถานการณ์ประท้วงขับไล่รัฐบาลในโอมาน และเยเมนก็ส่อเค้าว่าจะรุนแรงมากขึ้นด้วย ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะเป็นตัวแปรที่หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกระลอกไปยืนเหนือระดับ $100/บาร์เรล แม้ว่าซาอุดิอาระเบียจะออกมาประกาศเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันของลิเบียที่ขาดหายไปในตลาดโลกก็ตาม แต่เนื่องจากน้ำมันของลิเบีย เป็นแบบเบาที่มีคุณภาพสูง (Light Crude Oil) ต่างจากน้ำมันของประเทศซาอุดิอาระเบียที่เป็นน้ำมัน หนัก (Heavy Crude Oil) จึงไม่สามารถทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ของลิเบีย และหลายประเทศในตะวันออกกลางกำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งสะท้อนมายังแรงกดดันของนานาประเทศในการต่อต้านความรุนแรง โดยล่าสุดคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ลงมติคว่ำบาตรรัฐบาลลิเบีย และอายัติทรัพย์สินของผู้นำ + พรรคพวก จึงเป็นไปได้ว่าความตรึงเครียดที่เกิดขึ้นจะผ่อนคลายลงในไม่ช้า ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอื่นคงไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะทวีความรุนแรง เพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่สงครามกลางเมืองในลิเบียน่าจะสะท้อนได้ระดับหนึ่งว่า เป็นระดับความรุนแรงจากเหตุประท้วงภายในประเทศที่มาถึงขั้นขีดสุดแล้ว ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นจึงไม่น่าจะย่ำแย่ไปกว่านี้มากนัก
นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการจ้างงาน และข้อมูลภาคการผลิต ก็อาจเข้ามาเป็นปัจจัยสอดแทรกที่ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวนได้ โดยถ้าหากตัวเลขต่างๆยังคงแนวโน้มสดใส อาจทำให้ทองคำถูกลดความน่าสนใจในฐานะแหล่งพักเงินชั้นดีลงไป ขณะเดียวกัน ถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในช่วงกลางสัปดาห์ (วันที่ 1-2 มี.ค. 54) ได้ถูกคาดหมายกันในวงกว้างว่าจะหยุดตอกย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินมาตรการ QE2 หลังจากอัตราเงินเฟ้อเริ่มและตัวเลขการจ้างงานเริ่มฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำจะยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง แต่นักลงทุนก็ควรเพิ่มความระมัดระวังสำหรับการลงทุนในระยะนี้ โดยในระหว่างสัปดาห์ให้พิจารณาที่แนวระดับ $1,400/Oz เป็นหลัก หากมีการย่อตัวหลุดระดับนั้นลงมา จะทำให้ภาพการพักฐานมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำให้ขายในช่วงที่ราคาดีดตัวขึ้น เพื่อเล่นรอบ คาดการณ์กรอบการลงทุนที่ $1,375-1,430/Oz หรือ 19,900-20,700 บาท/บาททอง