xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กสิกรแนะลุยหุ้นปันผลสูง เหตุสัปดาห์ที่แล้วผันผวนหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประเสริฐ ขนบธรรมชัย
บลจ.รวงข้าวแนะลงทุนหุ้นปันผลสูง เล็งจังหวะเข้าซื้อให้ดี หลังสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตทำหุ้นเอเชียร่วงหนัก แต่มั่นใจหุ้นไทยนักลงทุนยังให้ความสนใจ ล่าสุดเตรียมปันผล 3 กองทุนรวมกันกว่า 264 ล้านบาท เหตุผลงานสุดผลดำเนินงานย้อนหลังสูงถึงเกือบ 50% ในปีที่ผ่านมา

นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในหุ้น ตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการปรับ Portfolio การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติซึ่งเริ่มมีความเห็นว่า เศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น ทำให้มีการโยกย้ายเงินลงทุนกลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้น

"ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยและตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดอื่น จึงเป็นโอกาสการทำกำไรไปด้วยพร้อมกัน ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ได้เริ่มต้นปีในระดับที่สูงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ และพืชผลมีราคาสูงจากภัยธรรมชาติในปีที่ผ่านมา ทำให้มีความหวั่นเกรงถึงผลกระทบของเงินเฟ้อต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้มีการลด การลงทุนในตลาดเกิดใหม่รวมถึงประเทศไทยลง นอกจากนี้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมายังเกิดวิกฤตทางการเมืองในประเทศอียิปต์ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการส่งน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ตลาดมีความ ผันผวนพอสมควร อย่างไรก็ตาม เมื่อการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติสิ้นสุดลงและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับสมดุลแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดีต่อไป"นายประเสริฐกล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนท่ามกลางความผันผวนจากผลกระทบภายนอก เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่การเติบโตของผลประกอบการบริษัทในตลาดเฉลี่ยในปี 2554 คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับร้อยละ 15-17 อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะนี้ ผู้ลงทุนยังต้องใช้จังหวะในการเข้าซื้อขายและ ลดความผันผวนของผลตอบแทน ซึ่งการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง เช่น การลงทุนในกองทุน K-VALUE ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ หรืออาจเลือกจับจังหวะ Trade ทำกำไรระยะสั้นเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนตามการเคลื่อนไหวของตลาด

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า แม้การลงทุนในหุ้นจะมีความผันผวน แต่จากผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมภายใต้การจัดการของบริษัท ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 8.00 น. ของวันที่ 31 มกราคม 2554 จำนวน 3 กองทุนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) จ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2554 ในอัตรา 0.24 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดรวงข้าว 2 (RKF2) และ กองทุนเปิดรวงข้าว 4 (RKF4) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2553 ถึง 31 กรกฎาคม 2554 ในอัตรา 1.50 บาท ต่อหน่วย และ 0.95 บาท ต่อหน่วย ตามลำดับ

สำหรับการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 263.82 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 10.84 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของทั้ง 3 กองทุน โดยกองทุน RKF2 และ RKF4 เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น Dividend yield ในรอบ 6 เดือนประมาณ 12.03% และ 12.51% โดยลำดับ

"ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาของทั้ง 2 กองทุนอยู่ที่ประมาณ 48% - 49% ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 38.41% ส่วนกองทุน K-VALUE ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง ในปี 2553 มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบปีบัญชีแรกไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ 0.67 บาทต่อหน่วย Dividend Yield สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2553 รวมแล้วอยู่ที่ 15.13% ด้านผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ประมาณ 42.66% เอาชนะผลตอบแทนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไป 4.25%” นายประเสริฐกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น