"แอสเซทพลัส"คาดดอกเบี้ยไทยขาขึ้น ปีกระต่ายแตะ 3% พร้อมแนะนักลงทุนเล่นตราสารหนี้ระยะสั้นตามน้ำ หลังแบงก์ชาติขยับดอกเบี้ยแล้ว 1 รอบ ชูกอง 3 เดือนโรลโอเวอร์ให้ยิลด์สูงสุด 1.95% ต่อปีเปิดขายรอบใหม่ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมนี้
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้บริษัทยังคงแนะนำให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไปตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อาจมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยคาดว่าปลายปีนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ระดับ 2.75-3.00%
ทั้งนี้ เนื่องจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลช่วงอายุคงเหลือมากกว่า 4 ปี ปรับตัวอย่างผันผวนมากขึ้น
"นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนและซื้อขายทํากําไรในประเทศแถบเอเชียมากขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนในประเทศมีการขายตราสารเพื่อทำกำไร หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มปรับปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีแนวโน้มผันผวนในระดับสูง ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวบ้าง"นายวินกล่าว
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นบริษัทฯ จะทำการเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) ตราสารหนี้ระยะสั้น 2 กองทุนโดยในวันที่ 25 มกราคม 54 บริษัทจะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ อายุ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วแลกเงินของสถาบันการเงินภาครัฐ และบริษัทเอกชนไทยชั้นนำ คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 1.95% ต่อปี
ส่วนวันที่ 26 มกราคม 54 บริษัทจะ Rollover กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบคุ้มครองเงินลงทุนเริ่มต้น และไม่ชอบความเสี่ยงสูง โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 100% อายุ 3 เดือน คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 1.80% ต่อปี
