บลจ.กสิกรไทยโชว์ผลงานเข้าตานายจ้าง รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่กว่า 10 ราย โยกเงินให้บริหารพอร์ตกว่า 3.5 หมื่นล้าน แถมได้ลูกค้าเอกชนรายใหม่อีกกว่า 250 ราย ดันสินทรัพย์รวมโตทะลุแสนล้านเป็นเจ้าแรก เผยความสม่ำเสมอของผลตอบแทนและแบรนด์กสิกรไทย ทำให้ลูกค้าวางใจ
นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันทรัพย์สินสุทธิในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนล้านบาทแล้ว ซึ่งถือเป็นบลจ.แรกในอุตสาหกรรมที่มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นระดับหลักแสนล้านบาท โดยเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการรับโอนกองทุนของรัฐวิสาหกิจขายใหญ่จากบลจ.อื่นอีกจำนวน 10 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ พอร์ตกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่รับโอนมานั้น ประกอบด้วย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พนักงานโรงงานยาสูบ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังรวมถึงกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเอกชนรายใหม่ที่วางใจให้บลจ.กสิกรไทยบริหารกว่า 250 รายเช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ บริษัท ฝาจีบ จำกัด (มหาชน) กลุ่มสแตนเลย์ บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด เป็นต้น
นายเกษตรกล่าวว่า ในส่วนของลูกค้ารายเก่า ส่วนใหญ่ยังคงไว้วางใจและต่อสัญญากับบริษัทเกือบ 100 % โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ อาทิ ปตท โดยมีเพียงองค์กรขนาดเล็กบางแห่งที่เปลี่ยนบริษัทจัดการอาจเกิดจากการควบ รวมกิจการของบริษัทในเครือ ซึ่งทำให้บลจ.กสิกรไทย ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้
"การที่ลูกค้าไว้วางใจเรา ให้บริหารเงินลงทุนใหม่และต่อสัญญานั้น เราเชื่อว่ามาลูกค้า เชื่อมั่นในผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี หรือ 5 ปี ของเรา อยู่ระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมและมีความสม่ำเสมอมาโดยตลอด ประกอบกับแบรนด์ในเครือธนาคารกสิกรไทยเอง ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความเชื่อถือด้วย นอกเหนือจากนั้น บุคลากรก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถดูแลให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าไว้วางใจเราดังกล่าว"นายเกษตรกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากทางการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ลูกจ้างที่คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น ขณะนี้สัดส่วนลูกจ้างดังกล่าวมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งในส่วนนี้เองเราก็ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งการคงเงินไว้ดังกล่าว ก็เปรียบเสมือนการให้เราบริหารเงินให้ โดยลูกจ้างเอสามารถขอรับเงินเป็นก้อนหรือเป็นงวดได้ ซึ่งตรงนี้เอง เราก็พยายามจะให้ความรู้มากขึ้น เพราะถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างที่ประสงค์คงเงินไว้
