ธนาคารโลกคาด ศก. โลกปีนี้โตในอัตราลดลงที่ระดับ 3.3% ขณะที่เงินทุนที่ไหลเข้าเอเชียอาจส่งผลให้เงินแข็งค่าและภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์เสี่ยง ด้าน เฟด ยังกังวลตัวเลขว่างงานที่สูง
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจที่น่าสนใจว่า ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในอัตราที่ลดลงในปีนี้ ในขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงกังวลต่ออัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง โดยที่ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโต 3.3% ซึ่งต่ำกว่าการเจริญเติบโตในปี 2553 ที่ 3.9% นอกจากนี้ เงินทุนที่ไหลเข้าประเทศแถบเอเชียและกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางอาจส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นหรืออาจเกิดภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งจะกดดันการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะกลางได้
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาจะค่อนข้างดีและฟื้นตัวต่อเนื่องแต่การว่างงานในระดับสูงจะยังเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัว ดังนั้น ถึงแม้การลงทุนในแถบเอเชียจะมีความเสี่ยงแต่ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน
ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าเดือน พ.ย. ในปีที่ผ่านมาทำสถิติต่ำสุดในรอบ 10 เดือนจากยอดส่งออกที่ขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีซึ่งยอดขาดดุลการค้าดังกล่าวที่ระดับ 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้นดีกว่าที่ตลาดคาดโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่มีการฟื้นตัว ประกอบกับยอดส่งออกที่ขยายตัวสูงโดยมีอานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัวต่อเนื่อง
ด้านเศรษฐกิจของยุโรป ECB และ BOE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1% และ 0.5% ตามคาด บลจ. ยูโอบี มองว่า ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1% เป็นเวลา 21 เดือนต่อเนื่องกันโดยตลาดคาดว่า ECB อาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้หรือต้นปี 2555 หลังจากเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นและเกินกว่าเป้าหมายที่ ECB กำหนด ในขณะที่ BOE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% และวงเงินการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามคาดการณ์ หลังรัฐบาลประกาศแผนการควบคุมการใช้จ่ายเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในขณะที่จีนและญี่ปุ่นยืนยันว่าจะสนับสนุนการลงทุนในพันธบัตร EU และถือเงินยูโรเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยจีนและญี่ปุ่นยืนยันว่าจะสนับสนุนการลงทุนในพันธบัตร EU ที่จะออกมาเพื่อระดมทุนในช่วงปลายเดือนนี้และถือเงินยูโรเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของเงินทุนสำรอง การประกาศดังกล่าวประกอบกับการที่โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้ทั้งหมดในอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดคาดได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนว่าปัญหาหนี้สินในยุโรปที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจที่น่าสนใจว่า ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในอัตราที่ลดลงในปีนี้ ในขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงกังวลต่ออัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง โดยที่ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโต 3.3% ซึ่งต่ำกว่าการเจริญเติบโตในปี 2553 ที่ 3.9% นอกจากนี้ เงินทุนที่ไหลเข้าประเทศแถบเอเชียและกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางอาจส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นหรืออาจเกิดภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งจะกดดันการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะกลางได้
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึงแม้ข้อมูลเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาจะค่อนข้างดีและฟื้นตัวต่อเนื่องแต่การว่างงานในระดับสูงจะยังเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัว ดังนั้น ถึงแม้การลงทุนในแถบเอเชียจะมีความเสี่ยงแต่ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน
ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าเดือน พ.ย. ในปีที่ผ่านมาทำสถิติต่ำสุดในรอบ 10 เดือนจากยอดส่งออกที่ขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีซึ่งยอดขาดดุลการค้าดังกล่าวที่ระดับ 3.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้นดีกว่าที่ตลาดคาดโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่มีการฟื้นตัว ประกอบกับยอดส่งออกที่ขยายตัวสูงโดยมีอานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัวต่อเนื่อง
ด้านเศรษฐกิจของยุโรป ECB และ BOE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1% และ 0.5% ตามคาด บลจ. ยูโอบี มองว่า ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1% เป็นเวลา 21 เดือนต่อเนื่องกันโดยตลาดคาดว่า ECB อาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้หรือต้นปี 2555 หลังจากเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นและเกินกว่าเป้าหมายที่ ECB กำหนด ในขณะที่ BOE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% และวงเงินการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามคาดการณ์ หลังรัฐบาลประกาศแผนการควบคุมการใช้จ่ายเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในขณะที่จีนและญี่ปุ่นยืนยันว่าจะสนับสนุนการลงทุนในพันธบัตร EU และถือเงินยูโรเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยจีนและญี่ปุ่นยืนยันว่าจะสนับสนุนการลงทุนในพันธบัตร EU ที่จะออกมาเพื่อระดมทุนในช่วงปลายเดือนนี้และถือเงินยูโรเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของเงินทุนสำรอง การประกาศดังกล่าวประกอบกับการที่โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้ทั้งหมดในอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดคาดได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนว่าปัญหาหนี้สินในยุโรปที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น