บลจ.กรุงไทย เร่งทำความเข้าใจเนื้อหารวมถึงหลักเกณฑ์กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานให้กลุ่มเป้าหมายทั้ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ การปะปานครหลวง ล่าสุดจ่อเพิ่มเม็ดเงินในกองทุนประหยัดภาษีอีกประมาณ 4,000 ล้านบาทเตรียมทำโปรโมชั่นผ่านบัตรเครดิตเอาใจมนุษย์เงินเดือน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ของบลจ.กรุงไทยนั้น ทางเราก็มีคุยไว้สองที่คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ การปะปานครหลวง โดยขั้นตอนยังอยู่ในการพูดคุยทำความเข้าใจในหลักการและกฎเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนประเภทดังกล่าวอยู่ ซึ่งหากทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติให้มีการจัดตั้งได้ ก็จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันในหลายละเอียด
อย่างไรก็ตามเรามองว่าการทำกองทุนประเภทดังกล่าวจะช่วยลดภาระในการกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนในโครงการใหญ่ โดยที่รัฐไม่ต้องค้ำประกัน ประกอบกับการทำกองทุนขึ้นมาก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ย เป็นต้นซึ่งทางกระทรวงการคลังเองก็มีการตั้งคณะกรรมการธิการเข้ามาดูแลในเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
ส่วนกองทุนสาธารณูปโภคในภาคเอกชนที่เคยพูดคุยกับทางบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมนั้น ในนิยามของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่าสาธรณูปโภคนั้นต้องเกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งแท่นขุดเจาะไม่เข้าเกณฑ์นี้ จึงต้องหยุดในส่วนของกองทุนสาธรณูปโภคในภาคเอกชนไปก่อน
"ทางบลจ.กรุงไทย ก็ได้เข้าไปอธิบายให้ทางการไฟฟ้าฯและการปะปาฯ เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยการลงทุนของการไฟฟ้าฯนั้นจะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า ส่วนของการปะปาฯต้องการขยายโรงกรอง ซึ่งมูลค่าต่อกองทุนไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทโดยประมาณ"นายสมชัยกล่าว
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ส่วนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเราได้ลูกค้าที่เป็นรัฐวิสหกิจเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากบลจ.มีผลการดำเนินงานรวมถึมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี เห็นได้จาก 2 ปีที่ผ่านมาที่เราบริหารจัดการกองทุนประกันสังคม ทำให้ลูกค้าไว้วางใจให้เราเข้ามาดูแลบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำหรับกองทุนส่วนบุคคลนั้นในปีที่ผ่านมาทางบลจ.ได้ฐานลูกค้าจากสถาบันค่อนข้างมากทำให้สัดส่วนฐานนักลงทุนสถาบันมีสูงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในปี 2554 นี้บลจ.จะเน้นฐานลูกค้ารายย่อยมากขึ้นโดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มกองทุน LTF และ RMF โดยจะทำโปรโมชั่นโฟกัสพ่วงกับโปรโมชั่นบัครเครดิต ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนเม็ดเงินในกองทุนดังกล่าวอีก 1เท่าตัวหรือประมาณ 4,000 ล้านบาทจากปี 2553 ที่บลจ.ปิดยอดซื้อกองทุนLTF-RMF ประมาณ 2,000 ล้านบาทในช่วงสิ้นปี
"ปีนี้เราจะมีโปรดักส์ให้นักลงทุนเลือกลงทุนให้มากขึ้น พร้อมกับปรับปรุงระบบไอที ระบบหน้าเว็บเพจให้ทันสมัย มีมุมความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และมีผู้เชียวชาญการลงทุนพร้อให้คำตอบกับนักลงทุนในเว็บบอร์ดเกี่ยวกับการลงทุน เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุยุคใหม่ให้มากขึ้น" นายสมชัยกล่าว