แบงก์ชาติจีนคาดเงินหนวยปีนี้อาจแข็งค่าขึ้น 5-6% ส่งผลให้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นอาจสูงขึ้น ขณะที่อินเดียเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นจึงคาดว่าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมกราคมนี้
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจจีนและอินเดียที่น่าสนใจว่า ดัชนี PMI เดือนธันวาคม 2553 ของจีนชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.9 จุด จาก 55.2 จุด ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมาตรการทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการควบคุมการใช้พลังงานและการควบคุมมลพิษในอุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 1 ชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามระดับ PMI ที่สูงกว่า 50 ยังคงแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิตในขณะที่อัตราการขยายตัวที่ลดลงไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวล
ด้านที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนคาดว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น 5-6% เทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปีนี้ โดย บลจ.ยูโอบี มองว่า หากหยวนปรับตัวขึ้นจริง 5% ในปีนี้ ก็จะสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดอย่างมาก โดยราคาล่าสุดในตลาดฟอร์เวิร์ดบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าหยวนจะปรับตัวขึ้นเพียง 2.7% สำหรับตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งทำให้ความน่าสนใจของผลตอบแทนที่จะได้จากตลาดหุ้นจีนภายหลังที่รวมกับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้อยู่ในระดับที่น่าสนใจมาก เนื่องจากปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก และค่าเงินหยวนยังแข็งค่าน้อยกว่าค่าเงินสกุลเอเชียอื่นๆ
ขณะที่ประเทศอินเดียดุลบัญชีเดินสะพัด ไตรมาสเดือน กรกฎคม - กันยายน ขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตัวเลขการขาดดุลที่สูงถึง 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (4.1% ของ GDP) เพิ่มขึ้นมากกว่าการขาดดุล 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (3.2% ของ GDP) ในไตรมาสก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญจะเป็นอุปสรรคต่อความมั่นคงทางการเงินและการคลังและการเติบโตของเศรษฐกิจของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เงินทุนไหลออก ถึงแม้ว่าในระยะสั้นจะยังคงมีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเงินเฟ้อด้านอาหารของอินเดียปรับเพิ่มสูงขึ้นระดับสูงสุดในรอบปี โดยดัชนีผู้บริโภคหมวดอาหารปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 18.32% ในขณะที่หมวดเชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่ม 11.6% ทำให้คาดว่าธนาคารกลางอินเดียจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 25bps ในเดือนมกราคมนี้ ประกอบกับตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และการชะลอของการผลิตในเดือน ธ.ค. ตลาดหุ้นอินเดียอาจดูไม่สดใสนักในช่วงเดือน ม.ค. นี้
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจจีนและอินเดียที่น่าสนใจว่า ดัชนี PMI เดือนธันวาคม 2553 ของจีนชะลอตัวลงสู่ระดับ 53.9 จุด จาก 55.2 จุด ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมาตรการทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการควบคุมการใช้พลังงานและการควบคุมมลพิษในอุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 1 ชะลอตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามระดับ PMI ที่สูงกว่า 50 ยังคงแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิตในขณะที่อัตราการขยายตัวที่ลดลงไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวล
ด้านที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนคาดว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น 5-6% เทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปีนี้ โดย บลจ.ยูโอบี มองว่า หากหยวนปรับตัวขึ้นจริง 5% ในปีนี้ ก็จะสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดอย่างมาก โดยราคาล่าสุดในตลาดฟอร์เวิร์ดบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าหยวนจะปรับตัวขึ้นเพียง 2.7% สำหรับตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งทำให้ความน่าสนใจของผลตอบแทนที่จะได้จากตลาดหุ้นจีนภายหลังที่รวมกับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้อยู่ในระดับที่น่าสนใจมาก เนื่องจากปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นทั่วโลก และค่าเงินหยวนยังแข็งค่าน้อยกว่าค่าเงินสกุลเอเชียอื่นๆ
ขณะที่ประเทศอินเดียดุลบัญชีเดินสะพัด ไตรมาสเดือน กรกฎคม - กันยายน ขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตัวเลขการขาดดุลที่สูงถึง 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (4.1% ของ GDP) เพิ่มขึ้นมากกว่าการขาดดุล 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (3.2% ของ GDP) ในไตรมาสก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญจะเป็นอุปสรรคต่อความมั่นคงทางการเงินและการคลังและการเติบโตของเศรษฐกิจของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เงินทุนไหลออก ถึงแม้ว่าในระยะสั้นจะยังคงมีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเงินเฟ้อด้านอาหารของอินเดียปรับเพิ่มสูงขึ้นระดับสูงสุดในรอบปี โดยดัชนีผู้บริโภคหมวดอาหารปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 18.32% ในขณะที่หมวดเชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่ม 11.6% ทำให้คาดว่าธนาคารกลางอินเดียจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 25bps ในเดือนมกราคมนี้ ประกอบกับตัวเลขการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และการชะลอของการผลิตในเดือน ธ.ค. ตลาดหุ้นอินเดียอาจดูไม่สดใสนักในช่วงเดือน ม.ค. นี้
