xs
xsm
sm
md
lg

ETF...ทางแก้ความเสี่ยง ยุคการเมืองป่วนตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลาย ๆ ครั้งที่นักลงทุนเลือกที่จะขายหุ้นที่ได้กำไรออกไป และเก็บตัวที่ขาดทุนเอาไว้จนในที่สุดพอร์ตโฟลิโอของตัวเองกลับมีแต่หุ้นติดลบเต็มไปหมด **แต่การลงทุนหุ้นโดยผ่าน TDEX หรือ TFTSE นั้นทำให้เราบริหารจัดการโดยดูเพียงดัชนีก็เพียงพอ*
 ทุกครั้งที่กำลังจะมีเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจหรือการเมือง นักลงทุนต่างก็จะอยู่ในช่วงที่สับสนว่าควรจะปรับพอร์ตของตัวเองอย่างไรดี โดยคำถามที่อาจจะอยู่ในใจนักลงทุนหลาย ๆ ท่านคงจะมีหลากหลายคำถามด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสัดส่วนการถือครองเงินสดในช่วงเวลานั้นว่าควรจะถือเท่าไหร่ดี หรือการยอมที่จะเสี่ยงถือหุ้นข้ามช่วงจังหวะและเวลาดังกล่าว

สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องเจออยู่ตลอดเวลา โดยเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่นักลงทุนอาจจะไม่ได้คาดคิดมาก่อน เช่น เมื่อปีที่ผ่านมา นักลงทุนทุกคนต่างก็เจอกับปัญหาของเรื่องมาบตาพุด จนนักลงทุนหลาย ๆ ท่านปรับพอร์ตกันแทบไม่ทัน และมาในปีนี้เริ่มกันตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ก็มีเรื่องของการตัดสินคดียึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทำให้เชื่อได้ว่านักลงทุนไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือรายใหญ่ต่างก็ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

 ทั้งนี้ ในสิ่งที่นักลงทุนต่างคาดเดานั้นมีความเป็นไปได้หลายทาง แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่นักลงทุนจะให้ความสนใจ คือ ตลาดหุ้นจะมีปฏิกิริยาหรือตอบสนองกับผลสรุปของคดีนี้อย่างไร ซึ่งนักลงทุนที่อยู่ในแวดวงการลงทุนมานานคงน่าจะเคยชินกับสถานการณ์เหล่านี้เป็นอย่างดี และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็คงจะเป็นเหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา นั่นคือ ตราบใดที่การตัดสินยังไม่ออกมา “ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ” ..

 จึงอยากให้นักลงทุนลองเดาหรือคาดการณ์พฤติกรรมของตัวเองดู โดยมีทางเลือกไว้ให้สองทาง นั้นคือ

 ทางเลือกที่ 1.นักลงทุนถือครองเงินสดมากขึ้น และลดสัดส่วนหุ้นลง

 ทางเลือกที่ 2.นักลงทุนได้เพิ่มสัดส่วนในหุ้น และลดการถือครองเงินสดลง

 โดยสองทางเลือกที่ดูเหมือนง่ายๆ เนื่องจากเรามาพิจารณาช่วงที่เหตุการณ์มันผ่านพ้นไปแล้ว แต่หากลองนึกถึงช่วงวันและเวลาดังกล่าวก่อนคำตัดสินจะเกิดขึ้น จึงเชื่อว่าคำถามหรือพฤติกรรมทั้งสองอย่างนั้นเป็นคำถามที่ตอบยากมาก ๆ ซึ่งตรรกะที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนจึงน่าจะเป็นแบบนี้...

นักลงทุนที่เลือกข้อ 1นั้น จะมีความกังวลในเรื่องของความไม่สงบ และปัญหาความรุนแรงที่อาจจะตามมา บวกกับความเชื่อที่ว่าคำตัดสินน่าจะออกมาเป็นผลในแง่ลบต่อดัชนีตลาดหุ้น ดังนั้นจึงถือเงินสดรอไว้ก่อนดีกว่า
 
ขณะที่ นักลงทุนที่เลือกข้อ 2 นักลงทุนเหล่านี้จะกังวลว่าการเข้ามาซื้อหุ้นตอนเหตุการณ์สงบนั้นอาจจะกลายเป็นการซื้อของแพง ดังนั้นจึงต้องเลือกที่จะ “เสี่ยง” กับช่วงที่ไม่มีความแน่นอนจึงจะสามารถทำกำไรได้เหนือว่าตลาด

 อย่างไรก็ตามสำหรับตรรกะดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องที่เราพยายามสมมุติขึ้นเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของนักลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่เราเชื่อว่านักลงทุนน่าจะเลือกที่จะรักษาตัวเองไว้ก่อนโดยการถือครองเงินสด

 
เราคิดว่านักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นหากอยู่ในช่วงเวลาและจังหวะดังกล่าว การเลือกใช้ ETF หรือ Exchange Traded Fund จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาตรงจุดนี้ได้ เพราะการซื้อ ETF ไม่ว่าจะเป็น TDEX (ทีเด็กซ์) หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) นั้นเท่ากับเป็นการกว้านซื้อของรวม ๆ กัน โดยเราจะลดความเสี่ยงเรื่องของการถือครองหุ้นรายตัวไปด้วยครับ

ดูตาราง 1ประกอบ

จากตารางดังกล่าวเป็นราคาของหุ้นรายตัวเมื่อเทียบกับดัชนี และเทียบกับ ETF สองตัว คือ TDEX และ TFTSE หุ้นที่เลือกมานั้นเราสมมุติให้หุ้นที่เลือกมาเป็นหุ้นใหญ่ของกลุ่มที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมกันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยวันที่เลือกมาแสดง คือราคาของต้นสัปดาห์ที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์โดยสมมุติให้ เราซื้อหุ้นได้ในราคาปิดของวันนั้น และวันที่นำมาคิด ผลตอบแทนคือวันที่ 2 ซึ่งเป็นวันหลังจากที่ประกาศผลคำตัดสินคดียึดทรัพย์ โดยสมมุติให้ขายได้ในราคาปิดของวันที่ 2 มีนาคม 
 
จากตัวอย่างข้างต้น เราอยากขอเรียนว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะชี้นำหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพราะคงไม่มีใครสามารถคาดเดาราคาหุ้นล่วงหน้าได้อย่างแน่นอน สิ่งที่อยากจะเรียนนักลงทุนทุกท่านนั้นคือเรื่องของการกระจายความเสี่ยงโดยใช้ ETF ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นโดยภาพรวมนั้นปรับตัวดีขึ้นประมาณ 3.88% โดยที่มีหุ้นบางกลุ่มปรับตัวเหนือกว่าดัชนี เช่นหุ้นธนาคารพาณิชย์ในตัวอย่าง แต่มีหุ้นบางตัวที่ได้รับผลกระทบจากข่าวจนมีผลตอบแทนติดลบไปประมาณ 4% กว่า ๆ ได้แก่ ADVANC และ DTAC จะเห็นได้ว่าแม้ตลาดภาพรวมจะปรับตัวขึ้นแต่บางครั้งเราก็มีสิทธิขาดทุนจากการลงทุนหุ้นรายตัวได้เช่นกัน

 ข้อดีของ TDEX และ TFTSE นั้นสามารถช่วยนักลงทุนในจุดนี้ได้ โดยการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE นั้นเปรียบได้กับการลงทุนยกตะกร้าซึ่ง TDEX มีหุ้นอยู่ 50 หลักทรัพย์ตามดัชนี SET50 ขณะที่ TFTSE มีหุ้นอยู่ 30 หลักทรัพย์ตามดัชนี FTSE SET Large Cap Index ทั้ง TDEX และ TFTSE ต่างก็มีหุ้น ADVANC และ DTAC ทั้งสิ้น แต่เนื่องจากมีการกระจายพอร์ตไปยังหุ้นตัวอื่น ๆ อยู่ด้วยผลที่ออกมาจึงยังคงเป็นบวกอย่างที่เห็น โดย TDEX นั้นมีผลตอบแทนประมาณ 3.43% และ TFTSE มีผลตอบแทน ประมาณ 5.31% ในช่วงเวลาดังกล่าว

สำหรับการปรับตัวสูงขึ้นของ TFTSE ที่มากกว่า TDEX ไม่ได้แปลว่า TFTSE นั้นดีกว่าแต่อย่างใด แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณาดูคือเรื่องของสัดส่วนการถือครองหุ้นใน TDEX และ TFTSE  

 โดยจะเห็นได้ว่าสัดส่วนของ TFTSE นั้นมีกลุ่มธนาคารพาณิชย์มากกว่า TDEX ดังนั้นช่วงที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ Outperform ตลาด เราก็มีโอกาสเห็นผลตอบแทนของ TFTSE ดีกว่า TDEX แต่ขณะเดียวกันช่วงที่กลุ่มพลังงาน Outperform ตลาด เราก็มีโอกาสที่จะเห็น TDEX ปรับตัวดีกว่า TFTSE เช่นเดียวกัน

 นอกจากนี้ การลงทุนใน ETF มีข้อได้เปรียบกับนักลงทุนรายย่อยเพราะการบริหารพอร์ตโดยมีหุ้นเพียงแค่สองตัวคือ TDEX และ TFTSE นั้นง่ายกว่าการบริหารพอร์ตโฟลิโอโดยมีหุ้นเป็นสิบ ๆ ตัวอยู่แล้ว หลาย ๆ ครั้งที่นักลงทุนเลือกที่จะขายหุ้นที่ได้กำไรออกไป และเก็บตัวที่ขาดทุนเอาไว้จนในที่สุดพอร์ตโฟลิโอของตัวเองกลับมีแต่หุ้นติดลบเต็มไปหมด แต่การลงทุนหุ้นโดยผ่าน TDEX หรือ TFTSE นั้นทำให้เราบริหารจัดการโดยดูเพียงดัชนีก็เพียงพอ ตราบใดที่นักลงทุนยังคงเห็น upside gain ของดัชนีตลาด นักลงทุนก็ยังสามารถที่จะถือ TDEX หรือ TFTSE ต่อไป และเลือกที่จะขายในช่วงที่เราเห็นว่าดัชนีเริ่มที่จะสูงจนเกินไป

เราเชื่อว่าจากเหตุการณ์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้นถือเป็นอีกวันหนึ่งที่เป็นบทเรียนของนักลงทุนที่กำลังจะก้าวเข้ามาในตลาด หรืออาจจะมีประสบการณ์ในตลาดอยู่ก่อนแล้ว โดยความไม่แน่นอนนั้นอยู่คู่กับตลาดหลักทรัพย์มานานแล้ว และเดือนนี้ในวันที่คาดว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มีนาคม นั้นก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่นักลงทุนคงต้องตัดสินใจกันอีกครั้งว่าจะปรับพอร์ตของตัวเองอย่างไร

  แน่นอนเราคงต้องย้อนกลับไปถามนักลงทุนทุกท่านอีกครั้งว่า สองทางเลือกดังกล่าวท่านจะเลือกอย่างไร ซึ่งเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้านักลงทุนทุกท่านลองใช้ ETF ทั้งสองตัวไม่ว่าจะเป็น TDEX หรือ TFTSE ให้เป็นประโยชน์  ETF ทั้งสองตัวจะเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตของทุกท่านอย่างแน่นอน...
ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)วรรณ จำกัด
กำลังโหลดความคิดเห็น