เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปสำหรับนักธุกิจและนักลงทุนในบ้านเราว่า ปัญหาทางการเมืองยังเป็นเรื่องที่เป็นปัจจัยกระทบต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหามาบตราพุด รวมไปถึงเรื่องของการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ต้องการขับไล่รัฐบาลในปัจจุบัน ปัจจัยเหล่านี้ เป็นที่ตัวแปรยังกดดันต่อความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอยู่ตลอด เพราะเนื่องจากการชุมนุมที่เกิดความรุนแรงขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นต่อมานั้นเป็นที่จับตามองอยู่ตลอด แต่อย่างไรก็ตามโดยส่วนใหญ่ก็มองไปในทางเดียวกันว่าความรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกต่อไป
ทั้งนี้ หลังจากในปี 2552 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแต่เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ปี 2553 เศรษฐกิจโลกมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีมากขึ้น ทำให้นักลงทุนเริ่มที่จะมองหาโอกาสการลงทุน แต่ก็อย่างที่กล่าวไปครับ แม้ว่าทิศทางการลงทุนจะเริ่มดีขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาทางการเมืองก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องให้ติดตามอยู่ตลอด ...แล้วถ้าเป็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ กลยุทธ์การลงทุนอย่างไรที่จะเหมาะสมและรองรับปัจจัยกดดันดังกล่าวเหล่านี้ได้ โดยที่ไม่กระทบการลงทุนของท่านนักลงทุนเอง....
วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด ได้ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้การลงทุนในหุ้นนั้นยังมีความน่าสนใจอยู่ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดี โดยในปี 2552 ที่ผ่านมานั้น บริษัทจดทะเบียนที่ บลจ. ยูโอบี เข้าไปลงทุนนั้นก็มีผลกำรไที่ดีมาก และในปีนี้ก็คาดว่าจะมีผลกำไรที่ดีเช่นกัน ดังนั้นปีนี้นักลงทุนควรลงทุนในหุ้นไว้ด้วยเช่นกัน แต่จะถือมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงได้ของแต่ละคนเอง
ขณะเดียวกัน ปัจจัยหลักที่ บลจ. ยูโอบี มองการลงทุนในหุ้นนั้นก็คือการเลือกลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่งและมีผลประกอบการที่ดีนั่นเป็นปัจจัยหลักที่เลือกลงทุนในหุ้น แต่เนื่องจากมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามากระทบการลงทุนและกระทบต่อความมั่นในของนักลงทุน ดังนั้น ปัจจัยทางการเมืองที่กระทบต่อตลาดหุ้นนั้น ทางบลจ.ยูโอบี มองว่าเป็นปัจจัยรองและถือเป็นโอกาสเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นตกลงในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง...
"ปีนี้ปัจจัยหลักของการลงทุนในหุ้นคือการเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ดี ส่วนปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นในตกลงนั้นเป็นปัจจัยรองในการหาจังหวะเพื่อเข้าไปซื้อหุ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
ฟังผู้บริหาร บลจ.ยูโอบีและนำอย่างนี้แล้วน่าจะเห็นโอกาสการลงทุนกันขึ้นมาบ้าง....เพราะการลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและลงทุนในระยะยาวนั้นแน่นอนว่านักลงทุนส่วนใหญ่เลือกลงทุนกัน ส่วนการหาจังหวะที่ดีในการเข้าไปก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นในปีนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศจึงมีความน่าสนใจอยู่ด้วยเช่นกัน และประเทศในเอเชียที่ซึ่งได้รับผลจากวิกฤตน้อยมาก จนเป็นที่น่าสนใจลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกที่หอบเม็ดเงินวิ่งเข้ามาลงทุนที่เอเชียกันเป็นจำนวนมาก จึงเห็นได้ว่านอกเหนือจากการลงทุนในบ้านเราแล้วภูมิภาคเอเชียก็น่าลงทุนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ ....
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี ก็ได้แนะนำไว้อีกครับว่า หากมีการลงทุนหุ้นในประเทศไว้แล้วนักลงทุนก็ควรแบ่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศไว้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยแนะนำง่ายๆว่า หากลงทุนหุ้นในประเทศไว้ประมาณ 20% ก็ให้แบ่งไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศไว้ประมาณ 10% เพื่อการการกระจายการลงทุนออกไป หรืออาจลงทุนมากกว่านั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับความชอบของนักลงทุนเองแต่ก็ควรระวังในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วยเช่นกัน ....
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้นั้น ในปีนี้ตราสารหนี้ยังมีความน่าสนใจอยู่ หากนักลงทุนต้องการใช้ตราสารหนี้เป็นที่พักเงินไว้ ก็สามารถพักเงินไว้ได้ในช่วงสั้นๆ เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งในปีนี้ทาง บลจ. ยูโอบีเอง ก็ยังเน้นไปที่การลงทุนในตราสารหนี้ด้วยเช่นกัน โดยจะไม่เน้นตราสารหนี้ที่มีอายุยาวมาก เพราะทิศทางของดอกเบี้ยในปีนี้เป็นขาขึ้น แต่หากให้ผลตอบแทนที่ดีก็น่าสนใจ ......
แม้ว่าจะยังไม่มีความมั่นใจในการลงทุนมากนัก แต่หากปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆแล้ว เชื่อว่ายังคงมีช่องทางการลงทุนให้เห็นอยู่ ขณะเดียวกัน ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของการลงทุนมากขึ้นทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คงปรับกลยุทธ์ไปตามสไตล์ของแต่ละคนเอง พร้อมไปกับการมองหาการลงทุนใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย....ซึ่งเมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มไปในทิศทางที่ดีและบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวยกลับมาแล้ว การลงทุนที่มีให้ผลตอบแทนที่ดีคงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนอย่างแน่นอนครับ....
ทั้งนี้ หลังจากในปี 2552 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแต่เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ปี 2553 เศรษฐกิจโลกมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีมากขึ้น ทำให้นักลงทุนเริ่มที่จะมองหาโอกาสการลงทุน แต่ก็อย่างที่กล่าวไปครับ แม้ว่าทิศทางการลงทุนจะเริ่มดีขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาทางการเมืองก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องให้ติดตามอยู่ตลอด ...แล้วถ้าเป็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ กลยุทธ์การลงทุนอย่างไรที่จะเหมาะสมและรองรับปัจจัยกดดันดังกล่าวเหล่านี้ได้ โดยที่ไม่กระทบการลงทุนของท่านนักลงทุนเอง....
วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี จำกัด ได้ชี้ให้เห็นว่า ในปีนี้การลงทุนในหุ้นนั้นยังมีความน่าสนใจอยู่ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีผลประกอบการดี โดยในปี 2552 ที่ผ่านมานั้น บริษัทจดทะเบียนที่ บลจ. ยูโอบี เข้าไปลงทุนนั้นก็มีผลกำรไที่ดีมาก และในปีนี้ก็คาดว่าจะมีผลกำไรที่ดีเช่นกัน ดังนั้นปีนี้นักลงทุนควรลงทุนในหุ้นไว้ด้วยเช่นกัน แต่จะถือมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงได้ของแต่ละคนเอง
ขณะเดียวกัน ปัจจัยหลักที่ บลจ. ยูโอบี มองการลงทุนในหุ้นนั้นก็คือการเลือกลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่งและมีผลประกอบการที่ดีนั่นเป็นปัจจัยหลักที่เลือกลงทุนในหุ้น แต่เนื่องจากมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามากระทบการลงทุนและกระทบต่อความมั่นในของนักลงทุน ดังนั้น ปัจจัยทางการเมืองที่กระทบต่อตลาดหุ้นนั้น ทางบลจ.ยูโอบี มองว่าเป็นปัจจัยรองและถือเป็นโอกาสเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นตกลงในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง...
"ปีนี้ปัจจัยหลักของการลงทุนในหุ้นคือการเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ดี ส่วนปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นในตกลงนั้นเป็นปัจจัยรองในการหาจังหวะเพื่อเข้าไปซื้อหุ้น" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
ฟังผู้บริหาร บลจ.ยูโอบีและนำอย่างนี้แล้วน่าจะเห็นโอกาสการลงทุนกันขึ้นมาบ้าง....เพราะการลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและลงทุนในระยะยาวนั้นแน่นอนว่านักลงทุนส่วนใหญ่เลือกลงทุนกัน ส่วนการหาจังหวะที่ดีในการเข้าไปก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นในปีนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศจึงมีความน่าสนใจอยู่ด้วยเช่นกัน และประเทศในเอเชียที่ซึ่งได้รับผลจากวิกฤตน้อยมาก จนเป็นที่น่าสนใจลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกที่หอบเม็ดเงินวิ่งเข้ามาลงทุนที่เอเชียกันเป็นจำนวนมาก จึงเห็นได้ว่านอกเหนือจากการลงทุนในบ้านเราแล้วภูมิภาคเอเชียก็น่าลงทุนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ ....
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. ยูโอบี ก็ได้แนะนำไว้อีกครับว่า หากมีการลงทุนหุ้นในประเทศไว้แล้วนักลงทุนก็ควรแบ่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศไว้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยแนะนำง่ายๆว่า หากลงทุนหุ้นในประเทศไว้ประมาณ 20% ก็ให้แบ่งไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศไว้ประมาณ 10% เพื่อการการกระจายการลงทุนออกไป หรืออาจลงทุนมากกว่านั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับความชอบของนักลงทุนเองแต่ก็ควรระวังในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วยเช่นกัน ....
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้นั้น ในปีนี้ตราสารหนี้ยังมีความน่าสนใจอยู่ หากนักลงทุนต้องการใช้ตราสารหนี้เป็นที่พักเงินไว้ ก็สามารถพักเงินไว้ได้ในช่วงสั้นๆ เพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งในปีนี้ทาง บลจ. ยูโอบีเอง ก็ยังเน้นไปที่การลงทุนในตราสารหนี้ด้วยเช่นกัน โดยจะไม่เน้นตราสารหนี้ที่มีอายุยาวมาก เพราะทิศทางของดอกเบี้ยในปีนี้เป็นขาขึ้น แต่หากให้ผลตอบแทนที่ดีก็น่าสนใจ ......
แม้ว่าจะยังไม่มีความมั่นใจในการลงทุนมากนัก แต่หากปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆแล้ว เชื่อว่ายังคงมีช่องทางการลงทุนให้เห็นอยู่ ขณะเดียวกัน ปัจจุบันนักลงทุนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของการลงทุนมากขึ้นทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คงปรับกลยุทธ์ไปตามสไตล์ของแต่ละคนเอง พร้อมไปกับการมองหาการลงทุนใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนที่ดีด้วย....ซึ่งเมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มไปในทิศทางที่ดีและบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวยกลับมาแล้ว การลงทุนที่มีให้ผลตอบแทนที่ดีคงเป็นที่ต้องการของนักลงทุนอย่างแน่นอนครับ....
