บลจ. ธนชาต เข็นกองทุนกิมจิเพิ่มอีก 4 กองทุน ชูทางเลือกล๊อกเงินสั้น 6 เดือน 18 เดือนและ23 เดือน ไอพีโอแล้ววันนี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 4 กองทุน โดยกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 33 (T-FixFIF33) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 39 (T-FixFIF39) ได้เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันที่ 12 - 18 กุมภาพันธ์ 2553 ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 35 (T-FixFIF35) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 40 (T-FixFIF40) เปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันที่ 17 - 23 กุมภาพันธ์ 2553 นี้
ทั้งนี้กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 33 มีอายุ 18 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 39 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 35 มีอายุโครงการประมาณ 23 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 40 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
สำหรับกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยสามารถลงทุนได้จนครบกำหนดอายุกองทุนและรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในต่างประเทศได้
โดยกองทุนทั้ง 4 กองทุนมีเป้าหมายที่จะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ เช่น พันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ที่กองทุนลงทุน กองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ และเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศ และประเทศที่กองทุนไปลงทุน
นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก หรือตราสารทางการเงินต่าง ๆ ของภาครัฐหรือเอกชน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้ลงทุนได้
ขณะที่ผลกระทบของกองทุนนั้น อาจจะได้รับจากความเสี่ยงจากการขาดทุนของราคาตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนมีมูลค่าลดลง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ได้เต็มตามจำนวนเงินหรือตามเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเท่าที่คาดหวัง
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 4 กองทุน โดยกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 33 (T-FixFIF33) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 39 (T-FixFIF39) ได้เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันที่ 12 - 18 กุมภาพันธ์ 2553 ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 35 (T-FixFIF35) และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 40 (T-FixFIF40) เปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันที่ 17 - 23 กุมภาพันธ์ 2553 นี้
ทั้งนี้กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 33 มีอายุ 18 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 39 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 35 มีอายุโครงการประมาณ 23 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ต่างประเทศ 40 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
สำหรับกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยสามารถลงทุนได้จนครบกำหนดอายุกองทุนและรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินในต่างประเทศได้
โดยกองทุนทั้ง 4 กองทุนมีเป้าหมายที่จะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ เช่น พันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ที่กองทุนลงทุน กองทุนดังกล่าวเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศ และเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ในต่างประเทศ และประเทศที่กองทุนไปลงทุน
นอกจากนี้กองทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้ เงินฝาก หรือตราสารทางการเงินต่าง ๆ ของภาครัฐหรือเอกชน โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด หรือตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เห็นชอบให้ลงทุนได้
ขณะที่ผลกระทบของกองทุนนั้น อาจจะได้รับจากความเสี่ยงจากการขาดทุนของราคาตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนมีมูลค่าลดลง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ได้เต็มตามจำนวนเงินหรือตามเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเท่าที่คาดหวัง