2 บลจ. เครือแบงก์ ตบเท้าคลอดกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น "กรุงไทย " เข็น 2 กองทุน ล๊อกเงินระยสั้น 6-7 เดือน ในพันธบัตรและบอนด์กิมจิ ขณะที่ "ธนชาต" ส่งกองทุนหุ้นกู้ อายุ 6 เดือน เพิ่มทางเลือกรับผลตอบแทนสูงกว่า
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน โดยทั้งในและต่างประเทศ ให้นักลงทุนได้กระจายการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 4 และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 7 เดือน 3
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 4 เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ อายุ โครงการ 6 เดือน ซึ่งกองทุนเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 22 มกราคม 2553 โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 32% เงินฝากธนาคารสินเอเชีย 24% ธนาคารทิสโก้ 20% และตั๋วแลกเงินของ บมจ.เอเชียเสริมกิจลิสชิ่ง 24%ของมูลค่าทรัพย์สินสิทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนประมาณการที่ 1.30 ต่อปื โดยผู้ลงทุนไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย
ส่วนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 7 เดือน 3 (KTFF 7M3) อายุโครงการ 7 เดือน มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งได้ทำการเปิดขายแล้วเช่นกันตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มกราคม 2553 โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ (Monetary Stabilization Bond หรือ Korea Treasury Bond) ซึ่งเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.40% ต่อปี
นายสมชัยกล่าวว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศเกาหลีใต้ (BOK) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.00% แต่ตลาดมีการคาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆนี้ สำหรับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของเกาหลีใต้ เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทมีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยดอกเบี้ยสวอประหว่างสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องของเงินสกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปี
ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเสนอขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 8 (TFixPlus8) ซึ่งจะเปิดเสนอขายช่วงไอพีโอถึงวันที่ 25 มกราคม 2553 โดยกองทุนดังกล่าว มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้จำนวน 2 กองทุน โดยทั้งในและต่างประเทศ ให้นักลงทุนได้กระจายการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 4 และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 7 เดือน 3
สำหรับกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 4 เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ อายุ โครงการ 6 เดือน ซึ่งกองทุนเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 22 มกราคม 2553 โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 32% เงินฝากธนาคารสินเอเชีย 24% ธนาคารทิสโก้ 20% และตั๋วแลกเงินของ บมจ.เอเชียเสริมกิจลิสชิ่ง 24%ของมูลค่าทรัพย์สินสิทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนประมาณการที่ 1.30 ต่อปื โดยผู้ลงทุนไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย
ส่วนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 7 เดือน 3 (KTFF 7M3) อายุโครงการ 7 เดือน มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งได้ทำการเปิดขายแล้วเช่นกันตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มกราคม 2553 โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ (Monetary Stabilization Bond หรือ Korea Treasury Bond) ซึ่งเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.40% ต่อปี
นายสมชัยกล่าวว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศเกาหลีใต้ (BOK) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.00% แต่ตลาดมีการคาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆนี้ สำหรับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของเกาหลีใต้ เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทมีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยดอกเบี้ยสวอประหว่างสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องของเงินสกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปี
ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเสนอขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 8 (TFixPlus8) ซึ่งจะเปิดเสนอขายช่วงไอพีโอถึงวันที่ 25 มกราคม 2553 โดยกองทุนดังกล่าว มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคง