การเมืองกดดันหุ้นไทยผันผวน บลจ.งัดกลยุทธ์หนีความเสี่ยง ดึง Futures บริหารพอร์ตสร้างผลตอบแทน บลจ.เอ็มเอฟซี ประเดิมคลอด "แอคทีฟ อควิตี้ ฟันด์" เสนอขายไอพีโอ 11-19 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจจะยังคงต้องเผชิญกับความผันผวน ซึ่งปัจจัยกดดันหลัก อยู่ที่ปัญหาการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์นี่เอง ถูกมองว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ศาลจะตัดสินคดีการยึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจากความกังวลดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนต่างพากันเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมีการคาดการณ์กันว่า ดัชนีหุ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะเป็นช่วงดัชนีสูงสุดของปีนี้
ทั้งนี้ จากความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาบริษัทจัดการลงทุน ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตลงทุนของลูกค้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการลงทุนที่จะเข้ามาช่วยเพื่อให้สามารถบริหารผลตอบแทนชนะดัชนีได้ ซึ่งการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ หรือการซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เข้ามาช่วย ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ
ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แอคทีฟ อควิตี้ ฟันด์ หรือ M-Active โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีโอกาสเติบโตสูง โดยจะใช้กลยุทธ์บริหารพอร์ตเชิงรุก เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับกองทุน พร้อมทั้งใช้ Futures เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทย มีความผันผวนสูง โดยกองทุนจะเสนอขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 11-19 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 29 ม.ค.) พบว่าดัชนีหุ้นไทย มีการปรับลดลงไปแล้ว 5.17% ในขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นเอง ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจผลการลงทุน ณ วันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) กลับให้ผลตอบแทนเป็นบวก 0.32%
โดยสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนสามารถเป็นบวกได้ น่าจะมาจากนโยบายการลงทุนของกองทุน ที่เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนเหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง นอกจากนี้ กองทุนยังมีการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจจะยังคงต้องเผชิญกับความผันผวน ซึ่งปัจจัยกดดันหลัก อยู่ที่ปัญหาการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์นี่เอง ถูกมองว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ศาลจะตัดสินคดีการยึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจากความกังวลดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนต่างพากันเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมีการคาดการณ์กันว่า ดัชนีหุ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จะเป็นช่วงดัชนีสูงสุดของปีนี้
ทั้งนี้ จากความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาบริษัทจัดการลงทุน ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตลงทุนของลูกค้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการลงทุนที่จะเข้ามาช่วยเพื่อให้สามารถบริหารผลตอบแทนชนะดัชนีได้ ซึ่งการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ หรือการซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เข้ามาช่วย ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ
ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แอคทีฟ อควิตี้ ฟันด์ หรือ M-Active โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และมีโอกาสเติบโตสูง โดยจะใช้กลยุทธ์บริหารพอร์ตเชิงรุก เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับกองทุน พร้อมทั้งใช้ Futures เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ดัชนีหุ้นไทย มีความผันผวนสูง โดยกองทุนจะเสนอขายหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 11-19 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 29 ม.ค.) พบว่าดัชนีหุ้นไทย มีการปรับลดลงไปแล้ว 5.17% ในขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นเอง ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจผลการลงทุน ณ วันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) กลับให้ผลตอบแทนเป็นบวก 0.32%
โดยสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนสามารถเป็นบวกได้ น่าจะมาจากนโยบายการลงทุนของกองทุน ที่เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนเหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง นอกจากนี้ กองทุนยังมีการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยง (hedging) จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ด้วย