xs
xsm
sm
md
lg

TMBAM ตั้งเป้าโตเกิน 20% ผนึก"แบงก์-พันธมิตร"แน่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สมจินต์" ประกาศกลยุทธ์ขับเคลื่อน บลจ.ทหารไทย ตั้งเป้า AUM ปีเสือให้เพิ่มขึ้น 20% เน้นจุดแข็งการลงทุนแบบ Passive Strategy รวมถึง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในแบบEmployee’s Choice และการทำงานร่วมกับแบงก์แม่และพันธมิตรธุรกิจ

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการดำเนินของ บลจ.ทหารไทยในปี 2553 ว่า ในปีนี้ บริษัทได้จัดวาง 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อเป็นแนวทางการทำงาน อันดับแรกได้แก่ การเสริมสร้างจุดแข็งด้านการเป็นผู้นำของการลงทุนแบบ Passive Strategy และการมีระบบจัดการด้านข้อมูลสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีประสิทธิภาพ อันดับต่อมาคือ การสนับสนุนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) โดยสร้างทางเลือกตามสมัครใจให้แก่สมาชิก (Employee’s Choice) และอันดับสุดท้ายคือ การประสานประโยชน์และเสริมสร้างความร่วมมืออย่างเข้มแข็งกับธนาคารทหารไทยและพันธมิตรธุรกิจเพื่อให้เกิดธุรกิจการเงินการลงทุนแบบมีประสิทธิภาพครบวงจร ซึ่งบริษัทฯเชื่อมั่นว่าการเดินตามแนวนโยบายหลักทั้ง 3 ประการนี้จะทำให้บริษัทฯสามารถขยายฐานมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในปี 2553 นี้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแนวทางการลงทุนที่เป็นจุดแข็งของบลจ.ทหารไทย ที่นำเสนอแก่ผู้ลงทุนคือการลงทุนแบบ Passive Fund โดยมีหลักการ ที่เข้าใจง่าย มีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำ ในขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลังได้พิสูจน์ว่ามีความคุ้มค่าและอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศไทย ซึ่งตัวอย่างที่น่าภาคภูมิใจของบลจ. ทหารไทยในรอบปี 2552 ที่ผ่านมา คือ ในบรรดากองทุนหุ้นทุน 15 กองทุนที่มีขนาดกองทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาทนั้น มีกองทุนของ บลจ.ทหารไทยได้ผลตอบแทนยอดเยี่ยมในระดับต้นๆถึงสองกองทุนคือ กองทุนเปิดทหารไทย SET 50 ได้ผลตอบแทนเป็นอันดับหนึ่ง ถึง 71.07 % และกองทุนที่ได้ผลตอบแทนอันดับที่สี่ คือกองทุนเปิดทหารไทย Jumbo 25 ให้ผลตอบแทนการลงทุนในปี 2552 ถึง 63.66% ส่วนในด้านของกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี ซึ่งเป็นที่นิยมในการบริหารสินทรัพย์สภาพคล่องของนักลงทุนทั้งบุคคลธรรมดาและสถาบัน ก็มีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่เปิดกองทุนมากว่า 10 ปี ที่ไม่เคยติดลบ เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมการออกกองทุนเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ลงทุนอีกด้วย อาทิเช่น การออกกองทุนเปิดตราสารหนี้น้องใหม่ เช่น กองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส ที่จะช่วยเติมเต็มทางเลือกที่แตกต่างของช่วงอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ ที่นอกเหนือไปจาก กองทุนเปิดทหารไทย ธนบดี

ธนรัฐ และธนวัฒน์ ที่ผู้ลงทุนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และบริษัทฯ จะยังคงการออกกองทุนเพื่อการลงทุนระยะสั้นตามแนวพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ตามโอกาสของตลาดทุนเอื้ออำนวยและได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี นอกไปจากนั้น บริษัทฯยังเตรียมการออกกองทุนอีกหลายกองทุน เช่น กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ และกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในต่างประเทศ (Feeder Fund)

สำหรับกลยุทธ์การสนับสนุนธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น เน้นให้สมาชิกสามารถเลือกแนวทางการลงทุนที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมตรงตามความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละสมาชิก (Friendly Employee’s ChoiceSystem) ซึ่งนอกเหนือไปจากการพัฒนาระบบรองรับที่ดีที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนแล้ว การให้ความรู้ การสร้างความเข้าใจในหลักการพื้นฐานการลงทุนอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทฯจะให้น้ำหนักมากกว่าการทำการตลาดผลิตภัณฑ์การลงทุนแต่เพียงอย่างเดียว เพราะกลุ่มสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นั้นถือเป็นกลุ่มผู้ลงทุนที่จะอยู่กับบริษัทฯ ต่อไปได้ในระยะยาว และหลักการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของตนเอง (Purpose-Driven Investment) จะเป็นแนวทางที่บริษัทฯนำเสนอให้สมาชิกกลุ่มนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดร่วมกับธนาคารทหารไทย และพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุน เช่นธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ นั้นจะเป็นการสานต่อความร่วมมือจากปีก่อน โดยในปีนี้ บริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์และ Campaign ทางการตลาดร่วมกับธนาคารทหารไทย อาทิ โครงการ Auto Rich: รวยอย่างอัตโนมัติ ชวนลูกค้าสร้างฝันเงินล้านที่ TMB เป็นต้น

"ปี 2553 นับเป็นปีแห่งการเสริมจุดแข็ง การพัฒนาระบบและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อรับธุรกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จะเพิ่มทวีขึ้นในอนาคต การส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันกับธนาคารทหารไทยและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยมุ่งให้ความสำคัญต่อการตอบสนองและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกกลุ่ม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับผู้ถือหน่วยในระยะยาว หรือเพื่อให้บรรลุเจตนารมณ์ของการเป็นคู่ชีวิตการลงทุน" นายสมจินต์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น