โดยบลจ.แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET INDEX) ปรับตัวลดลง 37.99 จุดหรือ 5.17% โดย ณ วันที่ 29 มกราคม 2553 SET INDEX ปิดที่ระดับ 696.55 และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 18,668 ล้านบาท ในช่วงแรกของเดือน SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศตัวเลขดัชนีการผลิตของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.9 ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2549ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนั้นข้อมูลการส่งออกที่แข็งแกร่งของจีนในเดือนธันวาคม ยังช่วยหนุนความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย SET INDEX ปรับตัวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 753.17 จุด ในวันที่ 15 มกราคม หลังจากนั้นรัฐบาลจีนส่งสัญญาณชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจโดยเริ่มจากการประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังระยะ 3 เดือน มาตรการภาครัฐในการชะลอการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับสหรัฐฯยังเตรียมออกกฎในการควบคุมสถาบันการเงิน
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยลบในประเทศ ซึ่งได้แก่ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์ต่อ 30 โครงการที่ได้รับคำสั่งให้ระงับโครงการบริเวณมาบตาพุด ประกอบกับที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดการยุบสภา และเป็นเหตุให้ SET INDEX ปรับตัวลดลงและแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 682.17 จุด ในวันที่ 28 มกราคม อย่างไรก็ตาม SET INDEX สามารถยืนเหนือระดับ 690 ได้ หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2552 ซึ่งออกมาค่อนข้างดีและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2553 ประกอบกับ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศเพิ่มแนวโน้มพื้นฐานอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารของไทยจาก"เชิงลบ" สู่ "มีเสถียรภาพ" ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะอันดับความน่าเชื่อถือโดยรวมที่ดีขึ้นของไทย นอกจากนั้น ธนาคารกลางสหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% และวุฒิสภาสหรัฐมีมติให้นายเบน เบอร์นันเก้เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ(FED) สมัยที่ 2 ประกอบกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากเดิม 3.1% มาอยู่ที่ระดับ 3.9% โดยในเดือนมกราคมนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 7,485 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ SET INDEX น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 670 – 720 จุด โดยคาดว่า SET INDEX น่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 4/2552 ที่เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี น่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการเมืองในประเทศไม่ว่าจะเป็นท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการนัดไต่สวนคดียึดทรัพย์ อดีตนายกฯ ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากนัก
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET INDEX) ปรับตัวลดลง 37.99 จุดหรือ 5.17% โดย ณ วันที่ 29 มกราคม 2553 SET INDEX ปิดที่ระดับ 696.55 และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 18,668 ล้านบาท ในช่วงแรกของเดือน SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศตัวเลขดัชนีการผลิตของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 55.9 ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2549ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนั้นข้อมูลการส่งออกที่แข็งแกร่งของจีนในเดือนธันวาคม ยังช่วยหนุนความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย SET INDEX ปรับตัวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 753.17 จุด ในวันที่ 15 มกราคม หลังจากนั้นรัฐบาลจีนส่งสัญญาณชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจโดยเริ่มจากการประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังระยะ 3 เดือน มาตรการภาครัฐในการชะลอการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับสหรัฐฯยังเตรียมออกกฎในการควบคุมสถาบันการเงิน
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยลบในประเทศ ซึ่งได้แก่ ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์ต่อ 30 โครงการที่ได้รับคำสั่งให้ระงับโครงการบริเวณมาบตาพุด ประกอบกับที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดการยุบสภา และเป็นเหตุให้ SET INDEX ปรับตัวลดลงและแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 682.17 จุด ในวันที่ 28 มกราคม อย่างไรก็ตาม SET INDEX สามารถยืนเหนือระดับ 690 ได้ หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2552 ซึ่งออกมาค่อนข้างดีและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2553 ประกอบกับ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศเพิ่มแนวโน้มพื้นฐานอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารของไทยจาก"เชิงลบ" สู่ "มีเสถียรภาพ" ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะอันดับความน่าเชื่อถือโดยรวมที่ดีขึ้นของไทย นอกจากนั้น ธนาคารกลางสหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% และวุฒิสภาสหรัฐมีมติให้นายเบน เบอร์นันเก้เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ(FED) สมัยที่ 2 ประกอบกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากเดิม 3.1% มาอยู่ที่ระดับ 3.9% โดยในเดือนมกราคมนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 7,485 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ SET INDEX น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 670 – 720 จุด โดยคาดว่า SET INDEX น่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 4/2552 ที่เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี น่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการเมืองในประเทศไม่ว่าจะเป็นท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการนัดไต่สวนคดียึดทรัพย์ อดีตนายกฯ ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากนัก
