ช่วง 2-3 วันมานี้ สุขภาพผมไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะหักโหมเรื่องงาน และโครงการต่างๆ ของบริษัท ชาร์ตมาสเตอร์ จำกัด (www.chart-master.com) ที่สวมหัวโขนเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารอยู่ กอรปรกับยังต้องคอยดูแลพอร์ตการลงทุนให้กับลูกค้าที่รับบทวิเคราะห์ทั้ง ทองคำ, SET50 Index Futures และ หุ้น อยู่อีกจำนวนหนึ่งทั้งลูกค้ารายบุคคล และประเภทองค์กร เพราะโดยเงื่อนไขที่ผมให้กับลูกค้าเสมอมาคือ หากลงทุนภายใต้กลยุทธ์หรือกรอบการลงทุนที่ผมแนะนำแล้ว หากเฉลี่ยในระยะเวลาหนึ่งยังขาดทุน ผมก็ยินดีที่จะคืนค่าบริการให้
ข้อเท็จจริงอันหนึ่งที่ผมเริ่มตระหนักมาโดยตลาด หลังจากที่อยู่ในธุรกิจตลอดทุนมาพอสมควร คือ การให้ความรู้ประกอบการซื้อ-ขาย มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นระบบที่ต่อเนื่องแบบเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่ว่าจัดอบรมเพียงแค่ 1-2 วัน แล้วจะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจเพียงพอที่จะไปลงทุนโดยตัวเองได้ (แต่หากนำความรู้ที่ได้รับไปทบทวน และหาความความรู้เพิ่มเติม ก็ย่อมจะทำให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น)
วิธีการลงทุนที่เหมาะสมนั้นเกิดจากการวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบ มีหลักการที่พิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่า สามารถทำได้จริงบนพื้นฐานที่สามารถควบคุมตัวแปร ด้านความเสี่ยงได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับเงื่อนไขของผลตอบแทนที่เป็นไปได้ และมีนัยสำคัญหากเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
หลังจากมานั่งวิเคราะห์ถึงความต้องการที่แท้จริงของนักลงทุนในประเทศไทยในภาพรวมแล้ว ผมจึงเริ่มต้นออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม ด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค ภายใต้ชื่อ “Professional Program for Investors ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญชาวไทย และชาวต่างประเทศ ภายใต้กรอบการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ โดยใช้นักศึกษาปริญญาเอก 2 คน ในการสร้างโมเดล และหลักสูตรการเรียนการสอน จากนั้นจึงนำไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง จึงสามารถคลอดออกมาได้สำเร็จ ซึ่งในหลักสูตรดังกล่าว จะเป็นหลักสูตรการสอนการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิคระยะยาวหลักสูตรแรกในเมืองไทย
โดยมีวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น Joe DiNapoli ผู้ริเริ่มนำทฤษฏี Fibonacci มาประยุกต์ใช้กับการเทรดเป็นคนแรกๆ ของโลก หรือ กูรูชาวสิงคโปร์ ผู้พัฒนาและจดสิทธิบัตร หลักการนับคลื่น Power Wave ก็เป็นหนึ่งในวิทยากรที่สอนด้วยเช่นกัน ยังไม่รวม วิทยากรชาวไทย ที่ผมคัดสรรและพิสูจน์แล้วว่า กลุยทธ์ หรือวิธีการที่สอน สามารถทำให้ลูกค้าทำกำไรได้จริง เพราะการสอนจากการเปิดตำรา ใครๆ ก็ย่อมสอนได้ แต่การสอนจากคนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนจริงๆ และยังสามารถถ่ายทอดวิธีการเพื่อให้ผู้อื่นนำไปใช้แล้วได้ผลนั้น ผมคิดว่ายังมีไม่มากนัก
ส่วนระบบการเรียนการสอนที่ดีนั้น ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องการไล่ลำดับของเนื้อหาการเรียนจากง่ายไปยากโดยไม่คำนึงถึงจำนวนชั่วโมงที่จะต้องสอน (จึงเป็นที่มาของจำนวน 96 ชั่วโมง) ส่วนในแง่ของวิทยากรนั้น ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องต้นทุนในการจ้างวิทยากรสักเท่าไหร่ เพราะถ้าดีและมีความสามารถ ถึงค่าตัวแพงก็ไม่ใช่ปัญหา ซึ่งยังไม่รวมถึงการพัฒนาระบบการประเมินความสามารถ (Competencies) ของผู้เรียนก่อนเข้าเรียน และการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยมีพี่เลี้ยงเป็นผู้สนับสนุน
หากนักลงทุนหรือผู้สนใจ ที่มีความต้องการจะเรียนรู้หลักด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค แบบไม่เสียเวลา ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.chart-master.com หรือ www.technicalday.com หรือหากยังสงสัย ก็โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 02 955 1700 ได้ในเวลาทำการ
ข้อเท็จจริงอันหนึ่งที่ผมเริ่มตระหนักมาโดยตลาด หลังจากที่อยู่ในธุรกิจตลอดทุนมาพอสมควร คือ การให้ความรู้ประกอบการซื้อ-ขาย มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นระบบที่ต่อเนื่องแบบเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่ว่าจัดอบรมเพียงแค่ 1-2 วัน แล้วจะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจเพียงพอที่จะไปลงทุนโดยตัวเองได้ (แต่หากนำความรู้ที่ได้รับไปทบทวน และหาความความรู้เพิ่มเติม ก็ย่อมจะทำให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น)
วิธีการลงทุนที่เหมาะสมนั้นเกิดจากการวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบ มีหลักการที่พิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่า สามารถทำได้จริงบนพื้นฐานที่สามารถควบคุมตัวแปร ด้านความเสี่ยงได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับเงื่อนไขของผลตอบแทนที่เป็นไปได้ และมีนัยสำคัญหากเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
หลังจากมานั่งวิเคราะห์ถึงความต้องการที่แท้จริงของนักลงทุนในประเทศไทยในภาพรวมแล้ว ผมจึงเริ่มต้นออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม ด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค ภายใต้ชื่อ “Professional Program for Investors ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญชาวไทย และชาวต่างประเทศ ภายใต้กรอบการจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ โดยใช้นักศึกษาปริญญาเอก 2 คน ในการสร้างโมเดล และหลักสูตรการเรียนการสอน จากนั้นจึงนำไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง จึงสามารถคลอดออกมาได้สำเร็จ ซึ่งในหลักสูตรดังกล่าว จะเป็นหลักสูตรการสอนการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิคระยะยาวหลักสูตรแรกในเมืองไทย
โดยมีวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น Joe DiNapoli ผู้ริเริ่มนำทฤษฏี Fibonacci มาประยุกต์ใช้กับการเทรดเป็นคนแรกๆ ของโลก หรือ กูรูชาวสิงคโปร์ ผู้พัฒนาและจดสิทธิบัตร หลักการนับคลื่น Power Wave ก็เป็นหนึ่งในวิทยากรที่สอนด้วยเช่นกัน ยังไม่รวม วิทยากรชาวไทย ที่ผมคัดสรรและพิสูจน์แล้วว่า กลุยทธ์ หรือวิธีการที่สอน สามารถทำให้ลูกค้าทำกำไรได้จริง เพราะการสอนจากการเปิดตำรา ใครๆ ก็ย่อมสอนได้ แต่การสอนจากคนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนจริงๆ และยังสามารถถ่ายทอดวิธีการเพื่อให้ผู้อื่นนำไปใช้แล้วได้ผลนั้น ผมคิดว่ายังมีไม่มากนัก
ส่วนระบบการเรียนการสอนที่ดีนั้น ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องการไล่ลำดับของเนื้อหาการเรียนจากง่ายไปยากโดยไม่คำนึงถึงจำนวนชั่วโมงที่จะต้องสอน (จึงเป็นที่มาของจำนวน 96 ชั่วโมง) ส่วนในแง่ของวิทยากรนั้น ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องต้นทุนในการจ้างวิทยากรสักเท่าไหร่ เพราะถ้าดีและมีความสามารถ ถึงค่าตัวแพงก็ไม่ใช่ปัญหา ซึ่งยังไม่รวมถึงการพัฒนาระบบการประเมินความสามารถ (Competencies) ของผู้เรียนก่อนเข้าเรียน และการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง โดยมีพี่เลี้ยงเป็นผู้สนับสนุน
หากนักลงทุนหรือผู้สนใจ ที่มีความต้องการจะเรียนรู้หลักด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ทางเทคนิค แบบไม่เสียเวลา ก็ลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.chart-master.com หรือ www.technicalday.com หรือหากยังสงสัย ก็โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 02 955 1700 ได้ในเวลาทำการ