ผมค่อนข้างจะเชื่อว่า มีนักลงทุนเพียงไม่กี่คน ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้แบบตลอดรอดฝั่ง อันเนื่องจากขาดความรู้และข้อมูลแบบครบองค์ความรู้ที่ควรจะมีจริงๆ เป็นนัยว่า จากหลักการที่ใช้ๆ กันมานั้น อาจถูกบ้าง ผิดบ้าง เช่น พอใช้หลักการนี้ กับหุ้นตัวนี้ ในเวลานี้ กลับได้กำไร และพอมาใช้หลักการเดียวกันนี้กับหุ้นตัวเดียวกัน แต่ผิดเวลากัน ก็กลับใช้ไม่ได้ผล (อันนี้ถูกต้องกับทุกคนในตลาดฯ) บทเรียนในหลายๆ ครั้ง จำเป็นต้องแลกมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล รวมถึงประสบการณ์ และความรู้สึกที่แย่ๆ กับการลงทุน จนถึงกับต้องหักดิบ และสาปส่งการลงทุนไปเลยก็เป็นได้
โดยส่วนตัว ในทุกๆ ครั้ง ที่มีการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรพื้นฐาน ระดับกลาง หรือระดับสูง (ยังไม่เคยสอน แต่อยู่ในระหว่างการเตรียมเนื้อหา แต่ถ้าใครต้องการเรียนแบบครบถ้วน ตั้งแต่พื้นฐาน ผมแนะนำให้แวะเข้าไปดูในเว็บไซต์ www.chart-master.com ในหลักสูตร Professional Program for Investors ที่น่าจะมีคำตอบสำหรับบางคนอยู่ก็เป็นได้ครับ) ผมมักจะเน้นอยู่เสมอว่า หลักของการเป็นนักลงทุนที่ดี คือ เราต้องควบคุม ความเสี่ยง หรือ ภาวะการขาดทุน (stop loss) ให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้น ถึงแม้จะตามไปเรียน คอร์สส่วนตัวกับ Joe DiNapoli เจ้าพ่อ ทฤษฎี Fibonacci ก็คงไม่ได้ผล (กำลังจะเปิดสอนอย่างเป็นทางการในปลายเดือนพฤษภาคมนี้)
ความยากของการเป็นนักลงทุนที่ดีคือ การยอมตัดขาดทุน ให้ได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด อันเนื่องมาจากพฤติกรรมดังกล่าวหากปล่อยไว้ ก็เปรียบเสมือน
“มะเร็ง” ร้าย ที่คอยกัดกร่อนเงินลงทุนของเราไปทุกวัน หากเรารอจนมะเร็งร้ายขยายตัวขึ้น มันก็จะแปลสภาพเราให้กลายเป็นนักลงทุนที่ “Trade with hope” ไปสักระยะ (หรืออาจตลอดไป ก็เป็นได้ เหมือนกับคนที่ไม่ยอมขายหุ้นทิ้งในช่วงที่ตลาดหุ้น ปรับตัวลงจาก 1,800 จุด มาจนถึง 200 ปลายๆ เมื่อหลายปีก่อน)
แต่หากคุณใช้ความพยายาม ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่จะพยายามเรียนรู้ หรือ ฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา แต่ก็ยังคงทำไม่สำเร็จ ผมมีทางเลือกให้ 2 ทาง คือ เลิก ซื้อ-ขาย หุ้นซะ หรือ หาคนที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ช่วยเป็นที่ปรึกษาในการตัดสินใจลงทุน เพื่อสนับสนุนและคอยดึงรั้งเราไม่ให้ตัดสินใจผิดๆ หรือ เสี่ยงมากๆ อีกต่อไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ค่อนข้างที่จะหายากมากๆ อันเนื่องมาจาก คงมีนักลงทุน (นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ไม่ใช่นักวิเคราะห์ ที่วิเคราะห์อย่างเดียวแต่ไม่ได้ ซื้อ-ขายจริง) เพียงไม่กี่คนยอมที่จะช่วยคนอื่น โดยปราศจากผลตอบแทน
ผมได้ริเริ่มโครงการเขียนบทวิเคราะห์ส่งให้กับ SA (โบรกเกอร์ทองคำ) บางที่เมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดีมากๆ (ขึ้นกับคนที่นำไปปฏิบัติว่าจะเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน) ผมจึงมีความคิดที่จะขยายฐานออกไปสู่รายย่อย โดยเน้นไปที่ SET50 Index Futures ทองคำ และหุ้น โดยจะมีการส่งบทวิเคราะห์รายวันให้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ ซื้อ-ขาย ในแต่ละวัน หากไม่เข้าใจ หรือ ไม่แน่ใจ ก็สามารถโทรเข้ามาสอบถาม เพื่อยืนยันสัญญาณซื้อ-ขายได้ แต่เนื่องจากโครงการนี้ ผมเป็นคนรับผิดชอบเพียงคนเดียว เนื่องจากการตัดสินใจ หรือให้ข้อมูล ยังไม่สามารถผ่องถ่ายให้กับทีมงานได้ จึงมีข้อจำกัดที่ว่า อาจรับได้จำนวนจำกัด และทำให้ค่าใช้จ่ายอาจดูแพงสำหรับบางคน (คนที่ลงทุนจริงจัง ก็อาจมองว่าเล็กน้อย) หากสนใจจริงๆ ลองโทรมาคุยกับทีมงานผมที่เบอร์ 089 072 7776 หรือ www.technicalday.com)
ราคาทองคำในตลาดโลก ส่อให้เห็นถึงความผันผวน และมีโอกาสปรับตัวลงในเวลาอันใกล้นี้ หากใครลงทุนอยู่แล้ว ให้เฝ้าระวัง เพราะอาจมีการปรับตัวขนานใหญ่ในเร็ววันนี้ ส่วนใครที่ลงทุนในหุ้นหลักๆ หรือ SET50 Index Futures นั้น เนื่องจากตลาดยังมีแนวโน้มปรับตัวเป็นขาขึ้นอยู่ การเข้าซื้อ หรือ การถือสัญญา Long น่าจะเป็นทางเลือก ที่ปลอดภัยกว่า แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่ว่า “Long ที่ต่ำๆ และ Short ที่สูงๆ” ทั้งนั้นและทั้งนี้ ก็อย่าปล่อยให้ Loss run ได้นะครับ
โดยส่วนตัว ในทุกๆ ครั้ง ที่มีการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรพื้นฐาน ระดับกลาง หรือระดับสูง (ยังไม่เคยสอน แต่อยู่ในระหว่างการเตรียมเนื้อหา แต่ถ้าใครต้องการเรียนแบบครบถ้วน ตั้งแต่พื้นฐาน ผมแนะนำให้แวะเข้าไปดูในเว็บไซต์ www.chart-master.com ในหลักสูตร Professional Program for Investors ที่น่าจะมีคำตอบสำหรับบางคนอยู่ก็เป็นได้ครับ) ผมมักจะเน้นอยู่เสมอว่า หลักของการเป็นนักลงทุนที่ดี คือ เราต้องควบคุม ความเสี่ยง หรือ ภาวะการขาดทุน (stop loss) ให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้น ถึงแม้จะตามไปเรียน คอร์สส่วนตัวกับ Joe DiNapoli เจ้าพ่อ ทฤษฎี Fibonacci ก็คงไม่ได้ผล (กำลังจะเปิดสอนอย่างเป็นทางการในปลายเดือนพฤษภาคมนี้)
ความยากของการเป็นนักลงทุนที่ดีคือ การยอมตัดขาดทุน ให้ได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด อันเนื่องมาจากพฤติกรรมดังกล่าวหากปล่อยไว้ ก็เปรียบเสมือน
“มะเร็ง” ร้าย ที่คอยกัดกร่อนเงินลงทุนของเราไปทุกวัน หากเรารอจนมะเร็งร้ายขยายตัวขึ้น มันก็จะแปลสภาพเราให้กลายเป็นนักลงทุนที่ “Trade with hope” ไปสักระยะ (หรืออาจตลอดไป ก็เป็นได้ เหมือนกับคนที่ไม่ยอมขายหุ้นทิ้งในช่วงที่ตลาดหุ้น ปรับตัวลงจาก 1,800 จุด มาจนถึง 200 ปลายๆ เมื่อหลายปีก่อน)
แต่หากคุณใช้ความพยายาม ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ที่จะพยายามเรียนรู้ หรือ ฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา แต่ก็ยังคงทำไม่สำเร็จ ผมมีทางเลือกให้ 2 ทาง คือ เลิก ซื้อ-ขาย หุ้นซะ หรือ หาคนที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ช่วยเป็นที่ปรึกษาในการตัดสินใจลงทุน เพื่อสนับสนุนและคอยดึงรั้งเราไม่ให้ตัดสินใจผิดๆ หรือ เสี่ยงมากๆ อีกต่อไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ค่อนข้างที่จะหายากมากๆ อันเนื่องมาจาก คงมีนักลงทุน (นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ไม่ใช่นักวิเคราะห์ ที่วิเคราะห์อย่างเดียวแต่ไม่ได้ ซื้อ-ขายจริง) เพียงไม่กี่คนยอมที่จะช่วยคนอื่น โดยปราศจากผลตอบแทน
ผมได้ริเริ่มโครงการเขียนบทวิเคราะห์ส่งให้กับ SA (โบรกเกอร์ทองคำ) บางที่เมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดีมากๆ (ขึ้นกับคนที่นำไปปฏิบัติว่าจะเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน) ผมจึงมีความคิดที่จะขยายฐานออกไปสู่รายย่อย โดยเน้นไปที่ SET50 Index Futures ทองคำ และหุ้น โดยจะมีการส่งบทวิเคราะห์รายวันให้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ ซื้อ-ขาย ในแต่ละวัน หากไม่เข้าใจ หรือ ไม่แน่ใจ ก็สามารถโทรเข้ามาสอบถาม เพื่อยืนยันสัญญาณซื้อ-ขายได้ แต่เนื่องจากโครงการนี้ ผมเป็นคนรับผิดชอบเพียงคนเดียว เนื่องจากการตัดสินใจ หรือให้ข้อมูล ยังไม่สามารถผ่องถ่ายให้กับทีมงานได้ จึงมีข้อจำกัดที่ว่า อาจรับได้จำนวนจำกัด และทำให้ค่าใช้จ่ายอาจดูแพงสำหรับบางคน (คนที่ลงทุนจริงจัง ก็อาจมองว่าเล็กน้อย) หากสนใจจริงๆ ลองโทรมาคุยกับทีมงานผมที่เบอร์ 089 072 7776 หรือ www.technicalday.com)
ราคาทองคำในตลาดโลก ส่อให้เห็นถึงความผันผวน และมีโอกาสปรับตัวลงในเวลาอันใกล้นี้ หากใครลงทุนอยู่แล้ว ให้เฝ้าระวัง เพราะอาจมีการปรับตัวขนานใหญ่ในเร็ววันนี้ ส่วนใครที่ลงทุนในหุ้นหลักๆ หรือ SET50 Index Futures นั้น เนื่องจากตลาดยังมีแนวโน้มปรับตัวเป็นขาขึ้นอยู่ การเข้าซื้อ หรือ การถือสัญญา Long น่าจะเป็นทางเลือก ที่ปลอดภัยกว่า แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่ว่า “Long ที่ต่ำๆ และ Short ที่สูงๆ” ทั้งนั้นและทั้งนี้ ก็อย่าปล่อยให้ Loss run ได้นะครับ