บลจ.วรรณ มองตลาดหุ้นไทยปี 53 ยังสดใส เชื่อให้ผลตอบแทนทั้งปีประมาณ 15% เผยเตรียมส่งไอพีโอ กองทุนเปิด”วรรณอิควิตี้ 20% ทริกเกอร์ ฟันด์”เพิ่มเม็ดเงิน ชี้แม้ดัชนีขึ้น-ลงไม่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนกองทุน เหตุเน้นเลือกลงทุนหุ้นรายตัวเป็นหลัก พร้อมสร้างผลตอบแทนให้ได้ 20% ใน 1ปี 6เดือน เปิดขายระหว่างวันที่ 18-26 ม.ค.นี้
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2553 นี้ ถือว่ามีความน่าสนใจและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี บริษัทจึงเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก(ไอพีโอ)ของกองทุนเปิดวรรณอิควิตี้ 20% ทริกเกอร์ ฟันด์ (ONE-TRIGGER) ที่เน้นลงทุนในตลาดตราสารแห่งทุน ในระหว่างวันที่ 18 –26 ม.ค. 2553 นี้ โดยกองทุนมีอายุโครงการ 1 ปี 6 เดือนนี้ มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยกองทุน ONE-TRIGGER มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ได้ 20% ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน
“เรามองว่าตลาดหุ้นไทยจะมีการเคลื่อนไหวเป็นปกติ โดยจะมีผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยทั้งปีประมาณ 15% เป็นส่วนของกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) 11% และเงินปันผลอีก 4% ซึ่งกองทุน ONE-TRIGGER จะพยายามทำผลตอบแทน 15% แรกให้ได้ในปี2553 นี้ และอีก 5% ที่เหลือในอีก 6 เดือนของปี2554”นายมนรัฐกล่าว
สำหรับกองทุน ONE-TRIGGER มีรูปแบบการลงทุนที่ไม่ได้เกาะไปกับดัชนีเทียบวัดหรือดัชนีตลาดหุ้นไทยแต่ประการใด โดยจะมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้เป็นหลัก ซึ่งการบริหารพอร์ตจะเป็นแบบการคัดเลือกหุ้นรายตัว ( Bottom up Approach) และไม่ได้เน้นการเปรียบเทียบกับ Benchmark เหมือนเช่นกองทุนอื่นๆ ดังนั้น การขึ้นลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกองทุน ONE-TRIGGER แต่อย่างใด
ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของกองทุน ONE-TRIGGER บริษัทจะทำการคัดเลือกหุ้นลงทุนประมาณ 15 –20 ตัว ไว้ในพอร์ตการลงทุน โดยจะใช้กลยุทธ์การล็อคกำไร (Lock in Profit) ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนจะเน้นทำกำไรเหมือนค่อยๆ หยอดกำไรใส่กระปุกไปจนครบ 20% ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนในปี2553 –2554 นี้ นอกจากนี้ หุ้นในพอร์ตการลงทุนของกองทุน ONE-TRIGGER นั้น จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถเปลี่ยนแปลงหุ้นในพอร์ตได้ตลอดเวลา ตามสถานการณ์และโอกาสในการทำกำไรในช่วงนั้นๆเป็นหลัก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่กองทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย นายมนรัฐกล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยในปี2552 แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 63% แต่ยังมีโอกาสเป็นขาขึ้น (upside) อยู่ประมาณ 15% โดยพื้นฐานบริษัทมองว่าดัชนีมีโอกาสจะปรับขึ้นไปที่ระดับ 823.8 จุด และหากมองด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสไปถึง 950 – 1,087 จุด ขณะที่กรอบต่ำสุดของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้มองที่ระดับ 630 –640 จุด ซึ่งเป็นจุดที่น่าเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่กองทุน
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2553 นี้ ถือว่ามีความน่าสนใจและสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี บริษัทจึงเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก(ไอพีโอ)ของกองทุนเปิดวรรณอิควิตี้ 20% ทริกเกอร์ ฟันด์ (ONE-TRIGGER) ที่เน้นลงทุนในตลาดตราสารแห่งทุน ในระหว่างวันที่ 18 –26 ม.ค. 2553 นี้ โดยกองทุนมีอายุโครงการ 1 ปี 6 เดือนนี้ มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง โดยกองทุน ONE-TRIGGER มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ได้ 20% ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน
“เรามองว่าตลาดหุ้นไทยจะมีการเคลื่อนไหวเป็นปกติ โดยจะมีผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยทั้งปีประมาณ 15% เป็นส่วนของกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) 11% และเงินปันผลอีก 4% ซึ่งกองทุน ONE-TRIGGER จะพยายามทำผลตอบแทน 15% แรกให้ได้ในปี2553 นี้ และอีก 5% ที่เหลือในอีก 6 เดือนของปี2554”นายมนรัฐกล่าว
สำหรับกองทุน ONE-TRIGGER มีรูปแบบการลงทุนที่ไม่ได้เกาะไปกับดัชนีเทียบวัดหรือดัชนีตลาดหุ้นไทยแต่ประการใด โดยจะมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้เป็นหลัก ซึ่งการบริหารพอร์ตจะเป็นแบบการคัดเลือกหุ้นรายตัว ( Bottom up Approach) และไม่ได้เน้นการเปรียบเทียบกับ Benchmark เหมือนเช่นกองทุนอื่นๆ ดังนั้น การขึ้นลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของกองทุน ONE-TRIGGER แต่อย่างใด
ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของกองทุน ONE-TRIGGER บริษัทจะทำการคัดเลือกหุ้นลงทุนประมาณ 15 –20 ตัว ไว้ในพอร์ตการลงทุน โดยจะใช้กลยุทธ์การล็อคกำไร (Lock in Profit) ซึ่งทางผู้จัดการกองทุนจะเน้นทำกำไรเหมือนค่อยๆ หยอดกำไรใส่กระปุกไปจนครบ 20% ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนในปี2553 –2554 นี้ นอกจากนี้ หุ้นในพอร์ตการลงทุนของกองทุน ONE-TRIGGER นั้น จะมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถเปลี่ยนแปลงหุ้นในพอร์ตได้ตลอดเวลา ตามสถานการณ์และโอกาสในการทำกำไรในช่วงนั้นๆเป็นหลัก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่กองทุน
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย นายมนรัฐกล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยในปี2552 แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 63% แต่ยังมีโอกาสเป็นขาขึ้น (upside) อยู่ประมาณ 15% โดยพื้นฐานบริษัทมองว่าดัชนีมีโอกาสจะปรับขึ้นไปที่ระดับ 823.8 จุด และหากมองด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสไปถึง 950 – 1,087 จุด ขณะที่กรอบต่ำสุดของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้มองที่ระดับ 630 –640 จุด ซึ่งเป็นจุดที่น่าเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่กองทุน