บลจ.กสิกรไทยเชื่อกองทุนพันธบัตรเกาหลียังน่าสน แต่อาจต้องปรับนโยบายใหม่หาผลตอบแทนเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน พร้อมเตรียมออก 3 กองทุนใหม่รองรับเม็ดเงินครบอายุบอนด์โสมระหว่างวันที่ 11-18 มกราคมนี้ ชูผลตอบแทนสูงสุด 1.90% ต่อปี
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการเปิดขายกองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลีในอนาคตนั้น ยังคงน่าสนใจเนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่การจะนำเสนอกองทุนพันธบัตรเกาหลีกลุ่มใหม่นั้นอาจไม่ดำเนินนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจความต้องการ
ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถแสดงความคิดเห็นมายังบริษัทได้ผ่านสาขาธนาคารกสิกรไทย และwww.kasikornasset.com เพื่อให้การนำเสนอกองทุนใหม่ของบริษัทมีนโยบายตอบโจทย์ของผู้ลงทุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเพื่อรองรับเม็ดเงินไหลกลับจากการลงทุนในเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าใน 2 เดือนข้างหน้าจะมีเงินลงทุนจากกองทุนที่ครบอายุราว 80,000 ล้านบาท บริษัทจึงเตรียมเสนอทางเลือกสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการล็อคเงินเข้าลงทุนต่อเนื่องในกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ โดยกลุ่มแรกที่จะเสนอขายในวันที่ 11 – 18 มกราคม 2553นี้
ประกอบกองทุนเปิดตราสารหนี้ภายในประเทศ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซี (KFI6MC) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ซึ่งมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก ส่วนที่เหลือลงทุนตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี เอ (KFI1YA) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับตราสารในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน
นอกจากนี้ นายพัชร ยังกล่าวต่อว่า ส่วนกองทุนจะเปิดในช่วงเวลาเดียวกันอีก 1 กองทุนบริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 22 เดือน ดี (KKG22MD) ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยกองทุนดังกล่าว เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งจำนวน ระยะเวลาลงทุนประมาณ 22 เดือน มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท
“กองทุนใหม่ที่จะเสนอขายทั้ง 3 กองทุน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน ซึ่ง บลจ. กสิกรไทยประมาณการอัตราผลตอบแทนของกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซี ไว้ประมาณ 0.95% ต่อปี ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี เอ อยู่ที่ประมาณ 1.20 % ต่อปี ผลตอบแทนสำหรับบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วอาจน้อยกว่าผลตอบแทนกับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน และ 1 ปีสูงสุดของธนาคารพาณิชย์ในประเทศหลังหักภาษี ซึ่งอยู่ที่ 1.27-1.36% ต่อปี แต่ต้องยอมรับว่าการลงทุน ในตราสารหนี้ภาครัฐของทั้ง 2 กองทุนข้างต้นมีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะเน้นลงทุนในตราสารที่ออกโดยรัฐบาล ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ในคุณภาพของตราสารที่เราเลือกลงทุน ส่วนกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 22 เดือน ดี ประมาณการอัตราผลตอบแทน ไว้ที่ประมาณ 1.90% ต่อปี”นายพัชรกล่าว
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการเปิดขายกองทุนเปิดพันธบัตรเกาหลีในอนาคตนั้น ยังคงน่าสนใจเนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่การจะนำเสนอกองทุนพันธบัตรเกาหลีกลุ่มใหม่นั้นอาจไม่ดำเนินนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจความต้องการ
ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถแสดงความคิดเห็นมายังบริษัทได้ผ่านสาขาธนาคารกสิกรไทย และwww.kasikornasset.com เพื่อให้การนำเสนอกองทุนใหม่ของบริษัทมีนโยบายตอบโจทย์ของผู้ลงทุนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเพื่อรองรับเม็ดเงินไหลกลับจากการลงทุนในเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าใน 2 เดือนข้างหน้าจะมีเงินลงทุนจากกองทุนที่ครบอายุราว 80,000 ล้านบาท บริษัทจึงเตรียมเสนอทางเลือกสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการล็อคเงินเข้าลงทุนต่อเนื่องในกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ โดยกลุ่มแรกที่จะเสนอขายในวันที่ 11 – 18 มกราคม 2553นี้
ประกอบกองทุนเปิดตราสารหนี้ภายในประเทศ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซี (KFI6MC) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 6 เดือน ซึ่งมุ่งลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเป็นหลัก ส่วนที่เหลือลงทุนตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี เอ (KFI1YA) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย และส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้เป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับตราสารในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน
นอกจากนี้ นายพัชร ยังกล่าวต่อว่า ส่วนกองทุนจะเปิดในช่วงเวลาเดียวกันอีก 1 กองทุนบริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 22 เดือน ดี (KKG22MD) ควบคู่กันไปด้วย เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยกองทุนดังกล่าว เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งจำนวน ระยะเวลาลงทุนประมาณ 22 เดือน มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท
“กองทุนใหม่ที่จะเสนอขายทั้ง 3 กองทุน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน ซึ่ง บลจ. กสิกรไทยประมาณการอัตราผลตอบแทนของกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซี ไว้ประมาณ 0.95% ต่อปี ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี เอ อยู่ที่ประมาณ 1.20 % ต่อปี ผลตอบแทนสำหรับบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้วอาจน้อยกว่าผลตอบแทนกับดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน และ 1 ปีสูงสุดของธนาคารพาณิชย์ในประเทศหลังหักภาษี ซึ่งอยู่ที่ 1.27-1.36% ต่อปี แต่ต้องยอมรับว่าการลงทุน ในตราสารหนี้ภาครัฐของทั้ง 2 กองทุนข้างต้นมีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะเน้นลงทุนในตราสารที่ออกโดยรัฐบาล ผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ในคุณภาพของตราสารที่เราเลือกลงทุน ส่วนกองทุนเปิดเค พันธบัตรเกาหลี 22 เดือน ดี ประมาณการอัตราผลตอบแทน ไว้ที่ประมาณ 1.90% ต่อปี”นายพัชรกล่าว
