บลจ.กสิกรไทยเดินปั้นเอยูเอ็ม ล่าสุดเปิดขายกองทุนใหม่K GOLD RMF ตั้งแต่วันนี้ถึง 24 ธันวาคมนี้ มั่นใจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ชอบทองคำ และการลงทุนระยะยาว พร้อมคาดสิ้นปีบริษัทจะมีเม็ดเงินลงทุน LTF-RMF เข้าพอร์ตอีกกว่า 5 พันล้านบาท
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมองว่าทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่ดีในการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหลายประเทศมีการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อรักษาตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไม่ให้ลดลง ส่งผลให้ตอนนี้ค่าเงินทั่วโลกเริ่มอ่อนค่าลง ส่งผลให้ทองคำเป็นที่ต้องการของนักลงทุนทั้งรายย่อย เเละนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงค่อนข้างสูงเเละมีความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเกร็งกำไรจากราคาทองคำเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย จะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้งชีพ (K GOLD RMF) ครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-24 ธันวาคม 2552 นี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นการตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนที่อยากลงทุนทองคำเเละต้องการลงทุนระยะยาว พร้อมกับได้สิทธิลดย่อนภาษีอีกด้วย โดยการการบริหารจัดการกองทุนนั้นจะคล้ายกับกองทุนเปิด เค โกลด์ ที่บลจ.กสิกรมีอยู่ เเละข้อดีของการมีกองทุนทองคำนั้นจะช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุนที่ผิดช่วงเวลา
"เราอยากให้นักลงทุนกระจายการลงทุน เช่น นักลงทุนมี 100 บาท กระจายการลงทุนเข้ามาในกองทุนทองคำสัก 5-10 บาท เป็นต้น เพราะในอดีตที่ผ่านมาถ้าตลาดหุ้นตก ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการจัดสรรการลงทุนที่ดี ก็จะทำให้นักลงทุนขาดทุนน้อยลง เเละอาจสร้างผลตอบเเทนที่ดีได้" นายพัชร
นายพัชร กล่าวอีกว่า เม็ดเงินของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เเละกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 2552 นี้จะมีเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาใหม่ประมาณ 4-5 พันล้านบาท ส่วนยอดขายไอพีโอกองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ น่าจะอยู่ที่ 2-3 ร้อยล้านบาท
สำหรับกองทุน เปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้งชีพ จะมีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจัดตั้งและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC ที่ถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และอาจลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต.
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมองว่าทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่ดีในการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำหลายประเทศมีการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อรักษาตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ไม่ให้ลดลง ส่งผลให้ตอนนี้ค่าเงินทั่วโลกเริ่มอ่อนค่าลง ส่งผลให้ทองคำเป็นที่ต้องการของนักลงทุนทั้งรายย่อย เเละนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงค่อนข้างสูงเเละมีความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเกร็งกำไรจากราคาทองคำเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย จะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้งชีพ (K GOLD RMF) ครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-24 ธันวาคม 2552 นี้ ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นการตอบโจทย์ให้กับนักลงทุนที่อยากลงทุนทองคำเเละต้องการลงทุนระยะยาว พร้อมกับได้สิทธิลดย่อนภาษีอีกด้วย โดยการการบริหารจัดการกองทุนนั้นจะคล้ายกับกองทุนเปิด เค โกลด์ ที่บลจ.กสิกรมีอยู่ เเละข้อดีของการมีกองทุนทองคำนั้นจะช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุนที่ผิดช่วงเวลา
"เราอยากให้นักลงทุนกระจายการลงทุน เช่น นักลงทุนมี 100 บาท กระจายการลงทุนเข้ามาในกองทุนทองคำสัก 5-10 บาท เป็นต้น เพราะในอดีตที่ผ่านมาถ้าตลาดหุ้นตก ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการจัดสรรการลงทุนที่ดี ก็จะทำให้นักลงทุนขาดทุนน้อยลง เเละอาจสร้างผลตอบเเทนที่ดีได้" นายพัชร
นายพัชร กล่าวอีกว่า เม็ดเงินของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เเละกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 2552 นี้จะมีเม็ดเงินการลงทุนเข้ามาใหม่ประมาณ 4-5 พันล้านบาท ส่วนยอดขายไอพีโอกองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ น่าจะอยู่ที่ 2-3 ร้อยล้านบาท
สำหรับกองทุน เปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้งชีพ จะมีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจัดตั้งและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC ที่ถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และอาจลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ก.ล.ต.