กสิกรไทยเดินหน้าตอบโจทย์ลูกค้า 2 กองทุน"K-TREASURY-K-MONEY" หลังผลงานขยับตัวดีขึ้น ล่าสุดขยายเวลาสั่งขายหน่วยลงทุนเพิ่ม แถมรับเงินเร็วกว่าเดิม พร้อมอัดแคมเปญสุดหรูมูลค่ากว่า 3 ล้านบาทเอาใจนักลงทุน
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทยังคงมุ่งตอบโจทย์สำคัญของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และผู้ลงทุนที่ใช้กองทุนกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) และกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) เพื่อพักเงินลงทุน และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจจาก NAV ที่ไม่แกว่งตัวมากนักควบคู่กันไปด้วย โดยที่ผ่านมาได้เริ่มเห็นผลงานอย่างชัดเจนแล้วตั่งแต่เดือนกันยายน ซึ่งทั้ง 2 กองทุนข้างต้น มีค่าความผันผวน (Volatility) ลดลงจาก 0.053% และ 0.070% มาอยู่ที่ 0.027% และ 0.049% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุนยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะกองทุน K-MONEY ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน, 6 เดือน และ 1 ปี ของกองทุนอยู่ที่ 0.96%, 0.90% และ 1.33% ต่อปีตามลำดับ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งได้แก่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนที่ให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 0.71% 0.72% และ 0.93% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ล่าสุดเพื่อให้ผู้ลงทุนในทั้ง 2 กองทุนนี้ได้รับความสะดวกในการลงทุนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ลงทุน บริษัทจึงขยายเวลารับคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนจากเดิม 08.30-15.00 น. เป็น 08.30-15.30 น.ซึ่งเท่ากับระยะเวลารับคำสั่งขายคืนกองทุนเปิดอื่นๆ ภายใต้การบริหารของบริษัท และได้รับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนรวดเร็วขึ้น จากเวลา 11.30 น. เป็นช่วงเวลา 09.30-10.00 น.ของวันรุ่งขึ้น (T+1) รวมถึงการเปิดบริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุน IPO และกองทุนอื่นๆ ของ บลจ. กสิกรไทยอีกด้วย
“เราพยายามจะตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงินให้ครอบคลุมที่สุด ทั้งความต้องการสภาพคล่องสูงจากการลงทุน ซึ่งสามารถรับเงินค่าขายคืนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์หรือลงทุนต่อเนื่องได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับมีเวลาสำหรับการขายคืนหน่วยลงทุนได้นานกว่าเดิม และยังเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนในกองทุน K-TREASURY และ K-MONEY ไปลงทุนในกองทุนอื่นๆ ของ บลจ. กสิกรไทยและได้รับการคำนวณมูลค่าหน่วยลงทุนในวันเดียวกัน ทำให้ผู้ลงทุนไม่พลาดจังหวะการลงทุนที่ต้องการ ” นายพัชรกล่าว
นายพัชร กล่าวอีกว่า นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของทั้ง 2 กองทุนนี้ บลจ. กสิกรไทย ยังเตรียมแคมเปญพิเศษเพื่อตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าที่ลงทุนกับ K-TREASURY หรือ K-MONEY อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2552 และมีมูลค่าหน่วยลงทุนคงเหลือในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท จะได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมรายการจับรางวัลหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดเค แพลน 3 มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 150 รางวัล
ส่วนผู้ที่มีมูลค่าหน่วยลงทุนคงเหลือในแต่ละวันตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป จะได้ลุ้นรับแพ็คเกจ ที่พัก 3 วัน 2 คืน พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2 ที่นั่ง มูลค่า 33,500 บาท จำนวน 80 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านบาท โดยจะจัดการจับรางวัลในวันที่ 8 ธันวาคม 2552 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 9 ธันวาคม นี้ ทาง www.kasikornasset.com” นายพัชรกล่าวในที่สุด
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐ ณ 23 พ.ย. 52 กองทุนมีขนาดประมาณ 72,989.70 ล้านบาท ส่วนกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) มีนโยบายใกล้เคียงกัน แต่เพิ่มโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและลงทุนในต่างประเทศ* เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น ขนาดกองทุนประมาณ 51,202.86 ล้านบาท ทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี สภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทยังคงมุ่งตอบโจทย์สำคัญของนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ และผู้ลงทุนที่ใช้กองทุนกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) และกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) เพื่อพักเงินลงทุน และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจจาก NAV ที่ไม่แกว่งตัวมากนักควบคู่กันไปด้วย โดยที่ผ่านมาได้เริ่มเห็นผลงานอย่างชัดเจนแล้วตั่งแต่เดือนกันยายน ซึ่งทั้ง 2 กองทุนข้างต้น มีค่าความผันผวน (Volatility) ลดลงจาก 0.053% และ 0.070% มาอยู่ที่ 0.027% และ 0.049% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุนยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะกองทุน K-MONEY ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน, 6 เดือน และ 1 ปี ของกองทุนอยู่ที่ 0.96%, 0.90% และ 1.33% ต่อปีตามลำดับ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานซึ่งได้แก่ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือนที่ให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 0.71% 0.72% และ 0.93% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ล่าสุดเพื่อให้ผู้ลงทุนในทั้ง 2 กองทุนนี้ได้รับความสะดวกในการลงทุนเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ลงทุน บริษัทจึงขยายเวลารับคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนจากเดิม 08.30-15.00 น. เป็น 08.30-15.30 น.ซึ่งเท่ากับระยะเวลารับคำสั่งขายคืนกองทุนเปิดอื่นๆ ภายใต้การบริหารของบริษัท และได้รับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนรวดเร็วขึ้น จากเวลา 11.30 น. เป็นช่วงเวลา 09.30-10.00 น.ของวันรุ่งขึ้น (T+1) รวมถึงการเปิดบริการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุน IPO และกองทุนอื่นๆ ของ บลจ. กสิกรไทยอีกด้วย
“เราพยายามจะตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงินให้ครอบคลุมที่สุด ทั้งความต้องการสภาพคล่องสูงจากการลงทุน ซึ่งสามารถรับเงินค่าขายคืนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์หรือลงทุนต่อเนื่องได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับมีเวลาสำหรับการขายคืนหน่วยลงทุนได้นานกว่าเดิม และยังเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนในกองทุน K-TREASURY และ K-MONEY ไปลงทุนในกองทุนอื่นๆ ของ บลจ. กสิกรไทยและได้รับการคำนวณมูลค่าหน่วยลงทุนในวันเดียวกัน ทำให้ผู้ลงทุนไม่พลาดจังหวะการลงทุนที่ต้องการ ” นายพัชรกล่าว
นายพัชร กล่าวอีกว่า นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ของทั้ง 2 กองทุนนี้ บลจ. กสิกรไทย ยังเตรียมแคมเปญพิเศษเพื่อตอบแทนความไว้วางใจของลูกค้าที่ลงทุนกับ K-TREASURY หรือ K-MONEY อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2552 และมีมูลค่าหน่วยลงทุนคงเหลือในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท จะได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมรายการจับรางวัลหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดเค แพลน 3 มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 150 รางวัล
ส่วนผู้ที่มีมูลค่าหน่วยลงทุนคงเหลือในแต่ละวันตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป จะได้ลุ้นรับแพ็คเกจ ที่พัก 3 วัน 2 คืน พร้อมตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2 ที่นั่ง มูลค่า 33,500 บาท จำนวน 80 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านบาท โดยจะจัดการจับรางวัลในวันที่ 8 ธันวาคม 2552 และประกาศรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 9 ธันวาคม นี้ ทาง www.kasikornasset.com” นายพัชรกล่าวในที่สุด
สำหรับกองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐ ณ 23 พ.ย. 52 กองทุนมีขนาดประมาณ 72,989.70 ล้านบาท ส่วนกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) มีนโยบายใกล้เคียงกัน แต่เพิ่มโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและลงทุนในต่างประเทศ* เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น ขนาดกองทุนประมาณ 51,202.86 ล้านบาท ทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี สภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ
