โบรกเกอร์กองทุนรวม ประเมิน กลุ่ม Emerging Market ปีเสือยังแกร่ง เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่ม BRIC ขณะเดียวกันยังเชื่อแดนมังกร คุมความเสี่ยงเรื่องฟองสบู่เศรษฐกิจได้
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรปในเดือน พ.ย.ที่ผ่านม ายังส่งสัญญาณทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะตัวเลขการว่างงานในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มลดลงในเดือนพ.ย. แต่การปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสเปนและอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซส่งผลต่อความกังวลต่อการปรับลดอันดับเครดิตประเทศอื่นๆในกลุ่มประเทศยุโรปจากฐานะการคลังและส่งผลให้ค่าเงินยูโรในเดือนที่ผ่านมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และต่อความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยง (จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น)
นอกจากนี้นักลงทุนยังมีความวิตกต่อโอกาสที่จีน และฮ่องกงจะประกาศมาตรการลดความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์และราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะใกล้ๆนี้ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลจีนยังยืนยันที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่องสำหรับปี 2553 สำหรับเศรษฐกิจไทยการส่งออกในเดือน พ.ย. เริ่มส่งสัญญาณทางด้านบวก โดยขยายตัว17.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ต่ออัตราการขยายตัวที่เริ่มกลับมาเป็นบวกในไตรมาสสี่ในปีนี้
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า กลุ่ม Emerging Market หรือ ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งหลายประเทศที่มีความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ โดยเฉพาะจีน แต่เรายังเชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ในปีหน้ายังคงแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับทางฝั่งประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้เม็ดเงินลงทุนคาดว่าจะยังคงไหลเข้ามาในตลาด โดยเงินทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชียถึงไตรมาส 3 ราว 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากที่ไหลออกไปในช่วงวิกฤติการเงินสหรัฐฯถึงเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ความร้อนแรงคงสู้ในปี 2552 ไม่ได้ และคาดว่าจะผันผวนเนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศจะมีการออกมาตรการเพื่อควบคุมภาวะฟองสบู่ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เรายังคงมองประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นเป้าหมายในการลงทุนในปี2553
"นักลงทุนควรรอจังหวะ ทยอยสะสมเมื่อมีการปรับตัวลงจากข่าวการออกมาตรการควบคุมภาวะฟองสบู่ สำหรับประเทศไทยเรามองเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่ด้วยความเสี่ยงทางการเมืองที่เราคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในปีหน้า และปัญหามาบตาพุดทำให้เรามองว่าตลาดหุ้นในประเทศจะมีความถี่ และความแรงของความผันผวนมากขึ้นกว่าปี 2552 โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่จะถูกกดดันจากปัญหามาบตาพุด"
อย่างไรก็ตามเรายังมองโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเกณฑ์สูงในปี 2553 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และมองว่ามีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานของราคาหุ้นในประเทศจีนจากความวิตกต่อการออกมาตรการควบคุมราคาสินทรัพย์ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมสำหรับตลาดเกิดใหม่เรายังแนะนำลงทุนในกลุ่มประเทศ BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) และแนะนำ KF-BRIC ซึ่งยังเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงาน โดดเด่นที่สุดในกลุ่มกองทุนที่ลงทุนในกลุ่ม BRIC
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน รายงานภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ว่า ดัชนีตลาดหุ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นในเดือนพฤศจิกายน หลังจากได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าพอใจ และมีแรงหนุนจากภาครัฐให้คำมั่นที่จะดำรงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ต่อไป แต่ในช่วงปลายเดือน เกิดปัจจัยลบที่มาจากปัญหาหนี้สินของ ดูไบ เวิลด์ ที่รัฐดูไบปฎิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ ส่งผลให้ตลาดหุ้นของตะวันออกกลางร่วงลง ในเวลาเดียวกัน หลายประเทศในเอเชียได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการจำกัดเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศในปริมาณมาก
โดยประเทศ เม็กซิโก ชิลี และแอฟริกาใต้ มีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในไตรมาสสามที่ดีขึ้น เมื่อเทียบระหว่างไตรมาส เป็นการส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดภาวะถดถอยในประเทศเหล่านี้ ในหลายส่วนของเอเชีย กิจกรรมในภาคการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้ ธนาคารกลางของหลายประเทศส่วนใหญ่ตัดสินใจปรับลดหรือตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ยกเว้นธนาคารกลางของอิสราเอล ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ทางการของจีนแจ้งให้ภาคธนาคารทำการปล่อยกู้อย่างสมเหตุสมผล ในช่วงที่ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์เกือบถึง 1,200 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ เนื่องจากอุปสงค์จากอินเดียและประเทศอื่นๆเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้องการลดการถือครองเงินเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนคาดว่าในระยะต่อไป สภาพคล่องในตลาดหุ้นจะยังคงมีสูง และนักลงทุนจะยอมรับความเสี่ยงได้มาก ภายใต้สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนระดับสูงให้แก่ตลาดหุ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ แม้ว่าราคาหุ้นเริ่มที่จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม และด้วยปัจจัยเหล่านี้ อเบอร์ดีนจะยังคงรอดูสถานการณ์ หากราคาหุ้นยังขยับตัวขึ้น ก็เป็นโอกาสของการขายเพื่อทำกำไร
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรปในเดือน พ.ย.ที่ผ่านม ายังส่งสัญญาณทางบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะตัวเลขการว่างงานในสหรัฐอเมริกาที่เริ่มลดลงในเดือนพ.ย. แต่การปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของสเปนและอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซส่งผลต่อความกังวลต่อการปรับลดอันดับเครดิตประเทศอื่นๆในกลุ่มประเทศยุโรปจากฐานะการคลังและส่งผลให้ค่าเงินยูโรในเดือนที่ผ่านมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และต่อความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยง (จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น)
นอกจากนี้นักลงทุนยังมีความวิตกต่อโอกาสที่จีน และฮ่องกงจะประกาศมาตรการลดความร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์และราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะใกล้ๆนี้ ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกมาจากการที่รัฐบาลจีนยังยืนยันที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่องสำหรับปี 2553 สำหรับเศรษฐกิจไทยการส่งออกในเดือน พ.ย. เริ่มส่งสัญญาณทางด้านบวก โดยขยายตัว17.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ต่ออัตราการขยายตัวที่เริ่มกลับมาเป็นบวกในไตรมาสสี่ในปีนี้
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า กลุ่ม Emerging Market หรือ ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งหลายประเทศที่มีความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ โดยเฉพาะจีน แต่เรายังเชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ในปีหน้ายังคงแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับทางฝั่งประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้เม็ดเงินลงทุนคาดว่าจะยังคงไหลเข้ามาในตลาด โดยเงินทุนไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชียถึงไตรมาส 3 ราว 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ จากที่ไหลออกไปในช่วงวิกฤติการเงินสหรัฐฯถึงเกือบ 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ความร้อนแรงคงสู้ในปี 2552 ไม่ได้ และคาดว่าจะผันผวนเนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศจะมีการออกมาตรการเพื่อควบคุมภาวะฟองสบู่ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เรายังคงมองประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นเป้าหมายในการลงทุนในปี2553
"นักลงทุนควรรอจังหวะ ทยอยสะสมเมื่อมีการปรับตัวลงจากข่าวการออกมาตรการควบคุมภาวะฟองสบู่ สำหรับประเทศไทยเรามองเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่ด้วยความเสี่ยงทางการเมืองที่เราคาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในปีหน้า และปัญหามาบตาพุดทำให้เรามองว่าตลาดหุ้นในประเทศจะมีความถี่ และความแรงของความผันผวนมากขึ้นกว่าปี 2552 โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่จะถูกกดดันจากปัญหามาบตาพุด"
อย่างไรก็ตามเรายังมองโอกาสการลงทุนในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเกณฑ์สูงในปี 2553 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และมองว่ามีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานของราคาหุ้นในประเทศจีนจากความวิตกต่อการออกมาตรการควบคุมราคาสินทรัพย์ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมสำหรับตลาดเกิดใหม่เรายังแนะนำลงทุนในกลุ่มประเทศ BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) และแนะนำ KF-BRIC ซึ่งยังเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงาน โดดเด่นที่สุดในกลุ่มกองทุนที่ลงทุนในกลุ่ม BRIC
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน รายงานภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ว่า ดัชนีตลาดหุ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นในเดือนพฤศจิกายน หลังจากได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าพอใจ และมีแรงหนุนจากภาครัฐให้คำมั่นที่จะดำรงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ต่อไป แต่ในช่วงปลายเดือน เกิดปัจจัยลบที่มาจากปัญหาหนี้สินของ ดูไบ เวิลด์ ที่รัฐดูไบปฎิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ ส่งผลให้ตลาดหุ้นของตะวันออกกลางร่วงลง ในเวลาเดียวกัน หลายประเทศในเอเชียได้พิจารณาความเป็นไปได้ในการจำกัดเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศในปริมาณมาก
โดยประเทศ เม็กซิโก ชิลี และแอฟริกาใต้ มีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในไตรมาสสามที่ดีขึ้น เมื่อเทียบระหว่างไตรมาส เป็นการส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดภาวะถดถอยในประเทศเหล่านี้ ในหลายส่วนของเอเชีย กิจกรรมในภาคการผลิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้ ธนาคารกลางของหลายประเทศส่วนใหญ่ตัดสินใจปรับลดหรือตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ยกเว้นธนาคารกลางของอิสราเอล ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ทางการของจีนแจ้งให้ภาคธนาคารทำการปล่อยกู้อย่างสมเหตุสมผล ในช่วงที่ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์เกือบถึง 1,200 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ เนื่องจากอุปสงค์จากอินเดียและประเทศอื่นๆเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากต้องการลดการถือครองเงินเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนคาดว่าในระยะต่อไป สภาพคล่องในตลาดหุ้นจะยังคงมีสูง และนักลงทุนจะยอมรับความเสี่ยงได้มาก ภายใต้สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนระดับสูงให้แก่ตลาดหุ้นของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ แม้ว่าราคาหุ้นเริ่มที่จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม และด้วยปัจจัยเหล่านี้ อเบอร์ดีนจะยังคงรอดูสถานการณ์ หากราคาหุ้นยังขยับตัวขึ้น ก็เป็นโอกาสของการขายเพื่อทำกำไร