บลจ.กรุงไทย ตั้งเป้าสินทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพปี 53 โต 15% เดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าเอกชน เเละลูกค้าธนาคารกรุงไทยควบคู่กัน ล่าสุดรุกเจาะลูกค้ากลุ่มสถาบันการศึกษากว่า 20 ราย เผยขนาดกองทุนเกิน 100 ล้านบาท
นางสาวประภา ปูรณโชติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนงานในปี 2553 บริษัทตั้งเป้าว่าจะขยายสินทรัพย์ หรือ AUM ของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเติบโต 15% โดยจะมุ่งเจาะลูกค้าภาคเอกชนและลูกค้าของธนาคารกรุงไทยเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากนัก ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราเริ่มรุกกลุ่มสถาบันการศึกษา ส่งผลให้ลูกค้าเราได้บริหารพอร์ตเพิ่มขึ้นประมาณ 15 รายและต้นปี 2553 นี้จะมีลูกค้าเข้าเพิ่มอีก 5 ราย โดยแต่ละสถาบันการศึกษามีขนาดกองทุนเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ในปัจจุบันบริษัทเปิดให้ลูกจ้างหรือสมาชิกเลือกนโยบายการลงทุนได้ด้วยตัวเอง ผ่าน Employee Choice โดยมีตั้งแต่การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ปานกลาง ไปจนถึงความเสี่ยงสูง โดย กลยุทธ์ที่จะเน้นมากขึ้นคือการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยและบริษัทประกันในเครือ โดยเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าของธนาคาร เพื่อนำเสนอการบริการให้แก่ลูกค้า
นางสาวประภา กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีหน้ามองว่ายังมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะการตัดราคาหรือค่าธรรมเนียม เพื่อดึงลูกค้ามาอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทตัวเอง ซึ่งประเด็นนี้บริษัทคงจะทำได้เพียงการบริหารจัดการกองทุนให้มีผลการดำเนินงานอยู่อันดับต้นๆ ของระบบ เพื่อให้ลูกค้าพอใจในการบริหารงาน เเละไว้วางใจให้ลจ.กรุงไทยเป็นผู้บริหารพอร์ตการลงทุนต่อไป
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2552 สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีการลงทุนในหุ้น 15% นั้นได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9% ซึ่งหากลงทุนในหุ้นประมาณ 5% จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-6% ซึ่งปีนี้ถือว่าลูกค้าพอใจกับผลตอบแทนที่ได้รับ โดยเฉพาะบางรายที่ลงทุนในหุ้นสูงถึง 25% ซึ่งได้ให้ผลตอบแทนมากกว่า 10% ส่วนการเพิ่มสินทรัพย์ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทในปีนี้เป็นไปตามเป้า โดยเพิ่มขึ้น 15% จากสิ้นปี 2551
ขณะเดียวกันบลจ.กรุงไทย มีสมาชิกกว่า 150,000 ราย โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่ บลจ.กรุงไทยเข้าไปบริหารจะมีขนาดใหญ่หรือรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก เช่น บริษัทการบินไทย ที่ได้ให้ความไว้วางใจให้บริษัทเข้ามาบริหารกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4 แล้ว นอกจากนี้ยังมีบริษัทโตโยต้า การสื่อสารแห่งประเทศไทย , ธนาคารเพื่อการเกษตร, ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) , การทางพิเศษแห่งประเทศไทย , การไปรษณีย์แห่งประเทศไทย ฯลฯ
ซึ่งบริษัทเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ให้ความไว้วางใจบริหารกองทุนอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 5 – 6 ปี ทั้งนี้ การบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในบริษัทใหญ่ ๆ และรัฐวิสาหกิจนั้น ถือว่าเมีมาร์เก็ตสูงสุดอยู่ในขณะนี้
โดยก่อนหน้านี้นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล (Private fund ) ส่วนใหญ่ของบลจ.จะเป็นกลุ่มนิติบุคคลเช่น สหกรณ์ออมทรัพย์เเละสำนักงานประกันสังคม (สปส.)ที่เราบริหารให้อยู่ ซึ่งฐานลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มนิติบุคคลเเละบริษัทเอกชนประมาณ 90% ส่วนลูกค้ารายบุคคลนั้นเรามีค่อนข้างน้อย
อย่างไรก็ตามการบริหารพอร์ตให้กับสำนักงานประกันสังคมของเรานั้นได้รับความสนใจจากผู้บริหารสำนักงานประกันสังคมเป็นอย่างมากเเละทางสปส.เองก็ส่งเจ้าหน้าที่มาเทรนด์งานกับฝ่ายวิจัยกรุงไทยอีกด้วย