บลจ.กรุงไทย ยิ้ม จบปี 52 AUMโตกว่า 2.2 เเสนล้าน พร้อมตั้งเป้าปีเสือดุขอโต 20% รับปีนี้อุตสหกรรมกองทุนคู่เเข่งมาเเรง หลังเศรษฐกิจดีเเบงก์ระดมเงินฝากขยายสินเชื่อ
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงปี 2552 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่อุตสหกรรมกองทุนรวมเติบโตได้มากพอสมควร ซึ่ง 9 เดือนเเรกอุตสหกรรมกองทุนเติบโตถึง 15.84% ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2551ที่ -3% ก็ถือว่าภาพรวมในปีนี้ดีมาก ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าตามการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากกองทุนตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือต่างประเทศ เเละกองทุนรวมตลาดเงิน เป็นหลัก
ขณะเดียวกันสถาบันการเงินต่างๆระดมเงินฝากน้อยลง ซึ่งเป็นผลพวงจากการปล่อยกู้ที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเอกชนต่างๆหันมาระดมทุนผ่านหุ้นกู้กันมากขึ้น
ทำให้เห็นว่าสภาพคล่องภายในระบบยังมีอยู่สูง ทำให้เม็ดเงินลงทุนจำนวนหนึ่งไหลเข้าเเละกระจายตัวอยู่ในกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเเล้วเเน่นอนผลตอบเเทนของกองทุนรวมโดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ย่อมให้ผลตอบเเทนที่มากกว่า
อย่างไรก็ตามเเนวโน้มอุตสหกรรมกองทุนรวมปี 2553 นั้นคงจะเเตกต่างกับปี 2552 เนื่องจากเราประเมินว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ทำให้มีการปล่อยสินเชื่อ สถาบันการเงินมีการระดมเงินฝากมากขึ้น เเละที่สำคัญจะมีเม็ดเงินที่เข้าไปลงทุนในเกาหลีใต้ทยอยครบอายุกว่า 500,000 ล้านบาท
ซึ่งหลายบริษัทต้องหากองทุนที่ให้ผลตอบเเทนใกล้เคียงหรือมากกว่าพันธบัตรเกาหลีใต้เเทนเพื่อรองรับเงินที่ทยอยครบอายุ ทั้งนี้เราประเมินว่าอุตสหกรรมกองทุนรวมน่าจะโตอย่างต่ำ 10% ในปี 2553นี้
"ส่วนปีที่ผ่านมา บลจ.กรุงไทยมรมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ หรือ AUM อยู่ที่ประมาณ 220,00 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดค้างจากการซื้อกองทุน LTF เเละ RMF จากสิ้นปีที่เเล้วอีก 2 พันล้าน" นายสมชัยกล่าว
นายสมชัย กล่าวอีกว่า สำหรับเเผนการดำเนินงานในปี 2553 นั้น บลจ.กรุงไทย จะขยายการขายกองทุนผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเราจะเพิ่มขายภูมิภาค ที่คอยดูเเลเเละช่วยเหลือสาขาต่างจังหวัด ซึ่งเรามองว่าต่างจังหวัดยังมีศักยภาพอยู่มากในการขยายตลาดกองทุนรวม
ขณะเดียวกันเราจะการเปิดช่องทางขายกองทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์มากขึ้น พร้อมกับขยายช่องทางขายกองทุนผ่านธนาคารต่างประเทศอีกด้วย นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าที่เราจะขยายเพิ่มคือ กลุ่มลูกค้ารายย่อย เเละกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน
"ปี 2553 นี้เราจะมีกองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมต่างประเทศ เเละกองทุนที่มีรูปเเบบการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนอีกด้วย" นายสมชัยกล่าว