บลจ.ไทยพาณิชย์แตะเบรกขายกองทุนกิมจิ และหุ้นกู้เอกชน จ้องเข็นลงตลาดอีกครั้งเดือนต้นปีหน้า ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังเดินหน้าขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 3 เดือน ชูผลตอบแทน 0.75%ต่อปี และสามารถลงทุนต่อในบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือนแล้วได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เปิดไอพีโอถึง 15 ธ.ค.นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมชะลอการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ออกไปก่อน หลังจากในช่วงที่ผ่านมา ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ภายหลังจากการสวอปกลับมาแล้วยังติดลบ และในวันพุธที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) เริ่มกลับมาดีขึ้นเล็กน้อย คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวของกองทุนประเภทนี้อีกครั้งประมาณเดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป โดยจะเน้นออกกองทุนที่มีอายุโครงการ 6 เดือน และ 1 ปี 6 เดือน เพราะว่าเป็นระยะเวลาในการลงทุนที่ไม่ยาวเกินไป
นอกจากนี้ บริษัทจะออกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนชั้นดีในซีรี่ส์เดียวกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ 5Y6M1 ที่เปิดขายหน่วยลงทุนมา 4 โครงการแล้ว โดยสามารถระดมทุนได้แล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท ทำให้ยังเหลือหุ้นกู้เอกชนอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่จะจัดตั้งเป็นกองทุนเดียว โดยจะมีนโยบายลงทุน และผลตอบแทนคล้ายกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ 5Y6M4 (SCBFI5Y6M4) ที่ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ 4%ต่อปี คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก และครั้งเดียวประมาณเดือนมกราคม 2553 เช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M20 (SCBGB3M20) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 0.75%ต่อปี โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 15 ธันวาคม 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
นางโชติกา กล่าวว่า นักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนSCBGB3M20 จะยังได้รับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “TRANFORMER” โดยสามารถเลือกลงทุนต่อได้ 2 ทาง ได้แก่ ลงทุนต่อในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ (SCBSFF) หรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ของผู้ถือหน่วยลงทุนที่เปิดไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.00%ต่อปี
สำหรับกองทุนSCBGB3M20 จะลงทุนในตั๋วเงินคลังที่ให้ผลตอบแทน 1.24%ต่อปี ในสัดส่วนประมาณ 95% โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน โดยจะได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 1.17%ต่อปี ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำที่ให้ผลตอบแทน 0.85%ต่อปี ในสัดส่วนประมาณ 5% โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน โดยจะได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 0.04%ต่อปี คิดเป็นผลตอบแทนรวม 1.21%ต่อปี และหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.46%ต่อปี จะเหลือผลตอบแทนโดยประมาณ 0.75%ต่อปี
ขณะเดียวกัน แผนงานในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเน้นขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1กองทุน และจะได้รับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “TRANFORMER” ที่จะมีไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นี้ด้วย คาดว่าจะสามารถออกกองทุนดังกล่าวในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 2 กองทุนขึ้นไป และยังเน้นขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) เป็นหลักอีกด้วย
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมชะลอการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ออกไปก่อน หลังจากในช่วงที่ผ่านมา ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ภายหลังจากการสวอปกลับมาแล้วยังติดลบ และในวันพุธที่ผ่านมา (9 ธ.ค.) เริ่มกลับมาดีขึ้นเล็กน้อย คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวของกองทุนประเภทนี้อีกครั้งประมาณเดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป โดยจะเน้นออกกองทุนที่มีอายุโครงการ 6 เดือน และ 1 ปี 6 เดือน เพราะว่าเป็นระยะเวลาในการลงทุนที่ไม่ยาวเกินไป
นอกจากนี้ บริษัทจะออกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้เอกชนชั้นดีในซีรี่ส์เดียวกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ 5Y6M1 ที่เปิดขายหน่วยลงทุนมา 4 โครงการแล้ว โดยสามารถระดมทุนได้แล้วประมาณ 5,000 ล้านบาท ทำให้ยังเหลือหุ้นกู้เอกชนอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่จะจัดตั้งเป็นกองทุนเดียว โดยจะมีนโยบายลงทุน และผลตอบแทนคล้ายกับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ 5Y6M4 (SCBFI5Y6M4) ที่ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ 4%ต่อปี คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก และครั้งเดียวประมาณเดือนมกราคม 2553 เช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M20 (SCBGB3M20) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 0.75%ต่อปี โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 15 ธันวาคม 2552 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
นางโชติกา กล่าวว่า นักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนSCBGB3M20 จะยังได้รับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “TRANFORMER” โดยสามารถเลือกลงทุนต่อได้ 2 ทาง ได้แก่ ลงทุนต่อในกองทุนเปิดไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้ (SCBSFF) หรือโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ของผู้ถือหน่วยลงทุนที่เปิดไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.00%ต่อปี
สำหรับกองทุนSCBGB3M20 จะลงทุนในตั๋วเงินคลังที่ให้ผลตอบแทน 1.24%ต่อปี ในสัดส่วนประมาณ 95% โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน โดยจะได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 1.17%ต่อปี ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำที่ให้ผลตอบแทน 0.85%ต่อปี ในสัดส่วนประมาณ 5% โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 เดือน โดยจะได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 0.04%ต่อปี คิดเป็นผลตอบแทนรวม 1.21%ต่อปี และหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.46%ต่อปี จะเหลือผลตอบแทนโดยประมาณ 0.75%ต่อปี
ขณะเดียวกัน แผนงานในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเน้นขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1กองทุน และจะได้รับสิทธิพิเศษจากแคมเปญ “TRANFORMER” ที่จะมีไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นี้ด้วย คาดว่าจะสามารถออกกองทุนดังกล่าวในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 2 กองทุนขึ้นไป และยังเน้นขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) เป็นหลักอีกด้วย