บลจ.แอสเซท พลัส เแนะนักลงทุนระยะสั้นจับจังหวะพักเงินในกองทุนตลาดเงิน พร้อมวางเป้าบริหารพอร์ตให้นิ่ง ไม่ผันผวน เหมาะกับเงินลงทุนและเวลาที่ไม่แน่นอน ระบุหวั่นนักลงทุนเสียโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี เชื่อยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหาโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก โดยมีระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนักในขณะนี้ บริษัทจึงขอแนะนำกองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ.แอสเซท พลัส จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ (ASP) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันกองทุนได้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระยะสั้นที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า A- โดยกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝากประมาณ 65% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ และ 35% ในหุ้นกู้และตราสารหนี้ระยะสั้นของภาคเอกชน ทั้งนี้อายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) ประมาณ 1 เดือน
"กองทุน ASP เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวน แต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ และมีสภาพคล่องในการลงทุนสูง โดยสามารถไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในช่วงต่อไป ผู้จัดการกองทุนจะมีเป้าหมายบริหารพอร์ตการลงทุนให้นิ่ง ไม่ผันผวน เพื่อให้เหมาะกับเงินลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนที่ไม่แน่นอน สำหรับการพักเงินลงทุนในแต่ละจังหวะเพื่อไม่เสียโอกาสของผลตอบแทน และสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์” นายวินกล่าว
ในส่วนของกองทุนที่ 2 ที่บริษัทจะขอแนะนำ คือกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ 2 (ASP2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่สามารถซื้อได้ทุกวันทำการ และขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุก 16 วัน โดยพอร์ตปัจจุบันกองทุนลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระยะสั้นที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป แต่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีมาก
ทั้งนี้กองทุนจะมี duration ที่ยาวกว่ากองทุน ASP เล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ปัจจุบันกองทุนมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 45-50% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน และ อีก 50%ในหุ้นกู้และตราสารหนี้ระยะสั้นของภาคเอกชน โดยอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) อยู่ที่ประมาณ 3 เดือน
"กองทุน ASP2 เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเงินฝากประจำ 3 เดือน จากพอร์ตการลงทุนปัจจุบันที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นกู้เอกชนระยะสั้น โดยสามารถรับความผันผวนของมูลค่า NAV ของกองทุนได้เล็กน้อยในบางช่วงเนื่องจากกองทุนมี Duration ประมาณ 90-120 วัน ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนประมาณ 3 เดือน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า "นายวินกล่าว
นายวินกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศนั้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือระยะสั้นปรับลดลงเล็กน้อย ซึ่งมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกองทุนตลาดเงิน หลังจากที่นักลงทุนได้ขายทำกำไรหุ้น และรอจังหวะลงทุนผ่านกองทุนรวมตลาดเงิน
ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวนั้นค่อนข้างผันผวนตามการปรับตัวของตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ และปัจจัยกดดันจากปริมาณพันธบัตรรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณ 2553 นี้ รวมไปถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่สร้างความกังวลในด้านของเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้น
"ในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุคงเหลือ 1 ปี ได้เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1.4-1.7% และอัตราผลตอบแทน 10 ปี เคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 3.9-4.3%โดยคาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะมีโอกาสปรับสูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นน่าจะทรงอยู่ในระดับปัจจุบัน" นายวินกล่าว
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหาโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก โดยมีระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนักในขณะนี้ บริษัทจึงขอแนะนำกองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ.แอสเซท พลัส จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ (ASP) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันกองทุนได้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระยะสั้นที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า A- โดยกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝากประมาณ 65% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ และ 35% ในหุ้นกู้และตราสารหนี้ระยะสั้นของภาคเอกชน ทั้งนี้อายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) ประมาณ 1 เดือน
"กองทุน ASP เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวน แต่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ และมีสภาพคล่องในการลงทุนสูง โดยสามารถไถ่ถอนได้ทุกวันทำการ ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในช่วงต่อไป ผู้จัดการกองทุนจะมีเป้าหมายบริหารพอร์ตการลงทุนให้นิ่ง ไม่ผันผวน เพื่อให้เหมาะกับเงินลงทุนที่มีระยะเวลาการลงทุนที่ไม่แน่นอน สำหรับการพักเงินลงทุนในแต่ละจังหวะเพื่อไม่เสียโอกาสของผลตอบแทน และสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์” นายวินกล่าว
ในส่วนของกองทุนที่ 2 ที่บริษัทจะขอแนะนำ คือกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ 2 (ASP2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่สามารถซื้อได้ทุกวันทำการ และขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุก 16 วัน โดยพอร์ตปัจจุบันกองทุนลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนระยะสั้นที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป แต่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีมาก
ทั้งนี้กองทุนจะมี duration ที่ยาวกว่ากองทุน ASP เล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ปัจจุบันกองทุนมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 45-50% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน และ อีก 50%ในหุ้นกู้และตราสารหนี้ระยะสั้นของภาคเอกชน โดยอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) อยู่ที่ประมาณ 3 เดือน
"กองทุน ASP2 เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเงินฝากประจำ 3 เดือน จากพอร์ตการลงทุนปัจจุบันที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นกู้เอกชนระยะสั้น โดยสามารถรับความผันผวนของมูลค่า NAV ของกองทุนได้เล็กน้อยในบางช่วงเนื่องจากกองทุนมี Duration ประมาณ 90-120 วัน ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนประมาณ 3 เดือน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่า "นายวินกล่าว
นายวินกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศนั้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุคงเหลือระยะสั้นปรับลดลงเล็กน้อย ซึ่งมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกองทุนตลาดเงิน หลังจากที่นักลงทุนได้ขายทำกำไรหุ้น และรอจังหวะลงทุนผ่านกองทุนรวมตลาดเงิน
ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวนั้นค่อนข้างผันผวนตามการปรับตัวของตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ และปัจจัยกดดันจากปริมาณพันธบัตรรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณ 2553 นี้ รวมไปถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่สร้างความกังวลในด้านของเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้น
"ในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุคงเหลือ 1 ปี ได้เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1.4-1.7% และอัตราผลตอบแทน 10 ปี เคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 3.9-4.3%โดยคาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะมีโอกาสปรับสูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นน่าจะทรงอยู่ในระดับปัจจุบัน" นายวินกล่าว