บลจ.นครหลวงไทย แก้ไขโครงการกองทุนเปิดแมกซ์มั่นคง ดันเป็นกองทุนมันนี่มาร์เก็ตอย่างแท้จริง หวังสู้กับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชูจุดเด่นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนได้ ส่งผลให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนเปิดเอสซีไอ มันนี่ โพสิทีฟ
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการจัดการกองทุนเปิดแมกซ์มั่นคง (MAX M) โดยไม่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการสั่งซื้อครั้งแรกและในการซื้อครั้งถัดไป นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2552 ในกรณีบัญชีร่วม บริษัทจะจดแจ้งชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนร่วมกันในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน และบริษัทจะโอนเงินต่างๆ ที่ได้รับจากกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากตามที่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายนั้นได้แจ้งความประสงค์ไว้ ขณะเดียวกัน ยังได้ตัดเงื่อนไขการเลิกกองทุน ในกรณีมูลค่าหน่วยลงทุนที่ขายได้แล้วทั้งหมดโดยคำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 50 ล้านบาทและ 30 ล้านบาทด้วย
สำหรับการแก้ไขโครงการดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้กองทุนเปิดแมกซ์มั่นคงเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) อย่างแท้จริง และสามารถสู้กับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ได้ ซึ่งหากนักลงทุนต้องการเปิดบัญชีกองทุนนี้ และโอนเงินไปมาระหว่างกองทุนอื่นจะมีความสะดวกและง่ายขึ้น นับว่าเป็นการปิดข้อจำกัดของกองทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถช่วยให้มูลค่าสินทรัพย์ (NAV) ปรับเพิ่มขึ้นไปได้ด้วย โดยการแก้ไขครั้งนี้เป็นการเสนอจากทางฝ่ายขายเอง (Sell) ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายขายทำงานง่ายขึ้น และสามารถเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วย
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า กองทุนเปิดแมกซ์มั่นคงจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ แต่ยังเปิดโอกาสให้สามารถลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนชั้นดี โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A ขึ้นไป ซึ่งมีความแตกต่างจากกองทุนเปิดเอสซีไอ มันนี่ โพสิทีฟ (SCI MP) ที่เป็นกองทุนรวมตลาดเงินอีกกองทุนของบริษัทที่เน้นลงเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนมาที่กองทุนเปิดแมกซ์มั่นคงมากกว่ากองทุนเปิดเอสซีไอ มันนี่ โพสิทีฟ เนื่องจากลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ด้วย ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ดีกว่า และมีเงินไหลเข้ามามากกว่านั่นเอง
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการจัดการกองทุนเปิดแมกซ์มั่นคง (MAX M) โดยไม่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำของการสั่งซื้อครั้งแรกและในการซื้อครั้งถัดไป นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2552 ในกรณีบัญชีร่วม บริษัทจะจดแจ้งชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนร่วมกันในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน และบริษัทจะโอนเงินต่างๆ ที่ได้รับจากกองทุนเข้าบัญชีเงินฝากตามที่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายนั้นได้แจ้งความประสงค์ไว้ ขณะเดียวกัน ยังได้ตัดเงื่อนไขการเลิกกองทุน ในกรณีมูลค่าหน่วยลงทุนที่ขายได้แล้วทั้งหมดโดยคำนวณตามมูลค่าที่ตราไว้ของหน่วยลงทุนลดลงเหลือน้อยกว่า 50 ล้านบาทและ 30 ล้านบาทด้วย
สำหรับการแก้ไขโครงการดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้กองทุนเปิดแมกซ์มั่นคงเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) อย่างแท้จริง และสามารถสู้กับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ได้ ซึ่งหากนักลงทุนต้องการเปิดบัญชีกองทุนนี้ และโอนเงินไปมาระหว่างกองทุนอื่นจะมีความสะดวกและง่ายขึ้น นับว่าเป็นการปิดข้อจำกัดของกองทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถช่วยให้มูลค่าสินทรัพย์ (NAV) ปรับเพิ่มขึ้นไปได้ด้วย โดยการแก้ไขครั้งนี้เป็นการเสนอจากทางฝ่ายขายเอง (Sell) ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายขายทำงานง่ายขึ้น และสามารถเพิ่มยอดขายจากกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วย
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า กองทุนเปิดแมกซ์มั่นคงจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ แต่ยังเปิดโอกาสให้สามารถลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนชั้นดี โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A ขึ้นไป ซึ่งมีความแตกต่างจากกองทุนเปิดเอสซีไอ มันนี่ โพสิทีฟ (SCI MP) ที่เป็นกองทุนรวมตลาดเงินอีกกองทุนของบริษัทที่เน้นลงเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนมาที่กองทุนเปิดแมกซ์มั่นคงมากกว่ากองทุนเปิดเอสซีไอ มันนี่ โพสิทีฟ เนื่องจากลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ด้วย ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ดีกว่า และมีเงินไหลเข้ามามากกว่านั่นเอง