xs
xsm
sm
md
lg

MFCแนะลดพอร์ตบอนด์ รับความผันผวนดบ.ขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซี มองหุ้นปีหน้าไปถึง 800 จุด เตรียมให้น้ำหนักเพิ่ม รับปัจจัยบวก พร้อมลดพอร์ตตราสารหนี้ รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น
นายศุภกร สุนทรกิจ
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในปีหน้ามีโอกาสไปถึง 800 จุด ซึ่งในมุมมองของเราเปิดโอกาสในขาขึ้น (upside) ไว้มากกว่าความเสี่ยงในขาลง (downside) โดยปัจจุบัน พื้นฐานของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่3/52 ยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่3/52 ก็ออกมาดี และยังมีแนวโน้มต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ของตลาดหุ้นไทยในปีหน้าถูกลงมาอีก เพราะมีการเติบโตของกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัจจัยทางการเมืองความไม่สงบทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างชัดเจน จึงทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาไม่ตอบรับกับปัจจัยบวกที่มีเข้ามาในตลาดเลย แต่ไปตอบรับปัจจัยลบในเรื่องของการเมือง โดยละเลยข่าวบวกที่มาในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งที่โดยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นมากกว่าลง

ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น ในขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ให้น้ำหนักลดลง จากน้ำหนักการลงทุนเดิมในปัจจุบัน ซึ่งนักลงทุนมีการลงทุนในหุ้น 20% ตราสารหนี้ 80% ในปีหน้า ก็ควรจะลดน้ำหนักตราสารหนี้ลงมาเหลือ 70% และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นขึ้นเป็น 30% เพราะมองไปข้างหน้าแล้วเห็นแต่ปัจจัยบวกที่จะมีเข้ามาและจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในภาพรวม โดยในส่วนของทิศทางดอกเบี้ยเอง ปีหน้ามีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นซึ่งส่งผลกระทบในเชิงลบกับการลงทุนในตราสารหนี้แน่นอน ดังนั้น จึงควรลดน้ำหนักการลงทุนลงมา

สำหรับการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดทางให้บริษัทในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้นั้น นายศุภกรกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เชื่อว่าบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอื่นในต่างประเทศอยู่ แล้วถ้าจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วยนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นของเขาเอง อย่างกรณีของธนาคารซีไอเอ็มบีนั้นมีธุรกิจอยู่ในไทย การเข้ามาก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัทด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเข้ามาจดทะเบียนของบริษัทต่างชาติในตลาดหุ้นไทยอาจจะมีเพียงบางบริษัทในบางกลุ่มอุตสาหกรรมเท่านั้น ที่จะเข้ามาในอนาคต ซึ่งถ้าจะให้ดีเราก็ควรจะนำหุ้นในตาดหุ้นไทยไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของมาเลยเซียด้วยเช่นกัน เพื่อจะให้สะท้อนราคาในทั้ง 2 ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การหุ้นต่างประเทศที่มาจดทะเบียนในไทยนั้น ในแง่ของความน่าสนใจลงทุนในมุมมองของนักลงทุนสถาบันก็มี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถไปลงทุนในหุ้นตลาดต่างประเทศได้อย่างอิสระ เพราะเขามาจดในไทยมาเพียงบางบริษัทในบางอุตสาหกรรมเท่านั้น ยังมีข้อจำกัดในแง่ของซัพพลายค่อนข้างมาก แต่ถ้าเรามั่นใจในการกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต.มาเลยเซียหรือประเทศเพื่อนบ้าน ก็น่าจะเปิดโอกาสให้ไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น