การลงทุนในช่วงนี้ หากพูดถึงการลงทุนใน Equity ETF (Exchange Traded Fund) คงไม่ได้แล้ว เพราะมีทั้งนักลงทุนที่รู้จักและไม่รู้จักการลงทุนประเภทนี้...ปัจจุบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ ก็มีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ในประเทศไทยเราเองก็มีการจัดตั้งกองทุนETF ที่ใช้ดัชนีอ้างอิงในประเทศด้วยเช่นกัน
โดยวันนี้ เราจะมากระเทาะเปลือกETF ให้นักลงทุนทราบ โดย สุริพล เข็มจินดา กรรมผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด ที่ได้รับผิดชอบดูแลกองทุน ETF ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบลจ.วรรณ ทั้งกองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (TDEX) และ กองทุนเปิด ThaiDex FTSE SET Large Cap ETF (TFTSE ) ให้นักลงทุนได้ทราบถึงรายละเอียดและความพยายามในการผลักดัน และผลตอบรับได้กลับมาจากนักลงทุนกัน
"สุริพล" ให้ความเห็นเกี่ยวกับ ETF ในเมืองไทย ว่า เราขอเรียก ETF ว่า มันเป็นหุ้นชนิดหนึ่งครับ หุ้น ETF ในเมืองไทยถ้าให้เปรียบเทียบก็น่าจะอยู่ในช่วงเด็กเริ่มหัดเดิน คือนักลงทุนเพิ่งเริ่มรู้จักและเพิ่งเริ่มทดลองใช้ แต่ถ้าใครได้ลองลงทุนหุ้นผ่าน ETF แล้วส่วนใหญ่มักจะติดใจ เพราะว่าสะดวกและง่ายกว่าการลงทุนในหุ้นรายตัวมาก
ที่ผ่านมา การลงทุนในกองทุนETF สำหรับเมืองไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ นักลงทุนของเรายังไม่ค่อยจะรู้จักกับกองทุนประเภทนี้ โดยเราบลจ.วรรณ เป็นบลจ.แรกที่มีการจัดตั้งกองทุนประเภทนี้ขึ้นมา นั้นคือ กองทุน TDEX โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้เราได้ส่งกองที่ 2 ในนาม TFTSE ที่เน้นลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเรามีแผนโรดโชว์แนะนำการลงทุนในประเทศ โดยเราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการลงทุนในหุ้น ETF นั้นเป็นประโยชน์ทั้งนักลงทุนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเราได้มีการเดินทางไปบรรยายเรื่อง TDEX และ TFTSE กับนักลงทุนถึงห้องค้าเลยทีเดียว
"เราต้องมีการทำความเข้าใจกับนักลงทุนรายใหม่ เพราะที่ผ่านมานักลงทุนจะเข้าใจกันว่า การลงทุนในหุ้นนั้นต้องมีปริมาณซื้อขายมาก ๆ เพื่อมาดันราคา พอมาเจอหุ้น ETF ที่อาจจะไม่ได้มีปริมาณซื้อขายที่หนาตาก็กังวลว่าหุ้น ETF จะราคาเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตรงนี้ต้องบอกเลยว่านักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องของ Volume หุ้น ETF จะเพิ่มหรือลด ขึ้นอยู่กับดัชนีที่อ้างอิงและตัวหุ้นที่อยู่ในนั้น" เช่น TDEX จะมีสัดส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ประมาณ40% และมีธนาคารพาณิชย์รองลงมาประมาณ 22% และกลุ่มประมาณ ICT 8%
สำหรับอนาคตของ ETF เป็นนั้น หลายครั้งที่เราได้สัมผัสกับนักลงทุนก็พบถึงสิ่งที่นักลงทุนต้องการมากที่สุดคือ เครื่องมือในการลงทุนที่จะมาช่วยให้การจัดพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผ่านมา คนมักจะมองการลงทุนในหุ้นเพียงแค่การเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ หรือเล่นกับข่าวที่มากระทบกับตลาดแรง ๆ ซึ่งเป็นความเชื่อของการลงทุนที่ไม่ถูกต้อง
"การที่เราเดินเข้ามาในตลาดหุ้น ส่วนใหญ่ก็จะคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยของการลงทุนที่ประมาณ 8-12% ต่อปี แต่หลาย ๆ คนกลับต้องเดินออกจากตลาดหุ้นโดยทำเงินหายไปอย่างมากมายมหาศาล ความมั่งคั่งนั้นต้องใช้เวลาในการสะสมและความอดทน ผมเองเคยผ่านช่วงที่ตลาดหุ้นดีสุด ๆ และแย่สุด ๆ มา สิ่งที่ผมเองได้พบและคิดว่ามันเป็นสัจธรรมของการลงทุนอย่างนึง ก็คือ ในที่สุดแล้วหุ้นก็คือดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจดี ๆ นี่เอง ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าตลาดหุ้นจะตกหนัก ๆ เหมือนปีที่แล้ว หรือจะรุ่งสุด ๆ เหมือนกับปีนี้ เพราะนี่คือวงจรเศรษฐกิจ" สุริพลบอก
ดังนั้น การลงทุนใน TDEX และ TFTSE ก็เช่นกัน ETF ทั้งสองตัวได้รวมหุ้นเอาไว้เป็นตะกร้าเมื่อตลาดบวก ETF ทั้งสองตัวก็บวกตาม ถ้าตลาดลบ ETF ทั้งสองตัวก็ลบตาม ถ้าให้ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเช่น ถ้านับจากวันที่ 6 พ.ย.52 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย.51 หรือประมาณ 1ปีที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนประมาณ 50.53% ถ้านักลงทุนลงทุนใน TDEX ซึ่งมีผลตอบแทนอ้างอิง SET50 ก็จะเห็นได้ว่า TDEX ให้ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 54.17% ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของผลตอบแทน TDEX จะค่อนข้างเป็นไปตามดัชนี และเครื่องมือประเภทนี้จะสามารถช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุนได้
เมื่อเร็วนี้ นักลงทุนคงพอได้ทราบข่าว การจัดโรดโชว์ตะวันออกกลางกันมาบ้าง สำหรับบลจ.วรรณ งานนี้ก็ไม่พลาดที่จะส่งคู่แฝดอีทีเอฟ TDEX และ TFTSE เพื่อแนะนำให้นักลงทุนต่างแดนได้รู้จักกัน ในภารกิจใหญ่สำหรับการดันแฝดคู่ ETF สู่ตลาดโลก
"สุริพล" บอกว่า การเดินทางไปตะวันออกกลางครั้งนี้ ไม่ใช่การไปสอนเรื่องการลงทุนใน ETF กับนักลงทุนต่างชาติ เพราะนักลงทุนที่นั่นรู้จัก ETF เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่จุดประสงค์หลักคือการไปบอกให้นักลงทุนต่างชาติรู้ว่าตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยมีการพัฒนาไปจนมี ETF ให้ลงทุนแล้ว โดยการมี ETF นั้นจะเอื้อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในประเทศต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น ถ้ามีความเห็นว่าหุ้นในตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศไทยดี ก็เลือก TDEX (ทีเด็กซ์) หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) ซึ่งเป็นตะกร้าไปเลย ไม่ต้องมานั่งวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว ถ้าจะมองหาประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ก็สามารถไปเลือก ETF ที่อ้างอิงดัชนีของประเทศนั้น ๆ ได้
"เมื่อก่อนต้องยอมรับว่านักลงทุนทางนั้น ยังไม่รู้จักเราดีในแง่ของการลงทุน แต่ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่รู้จักประเทศไทย ประเทศไทยยังคงมีเสน่ห์ในการลงทุนในสายตาของนักลงทุนแถบนั้น แต่การแนะนำ ETF ให้นักลงทุนเหล่านั้น นับว่าได้ผลตอบรับที่ดีกว่าที่คาดมาก การเดินทางไปครั้งนี้ผมเองไม่ได้ไปคนเดียวแต่เราไปกันเป็นทีม คือทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, บลจ.เอ็มเอฟซี, รวมถึงธนาคารอิสลาม ด้วย แม้ว่าเราจะมีเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ แต่เราก็สามารถเดินทางไปพบกับนักลงทุนสถาบันถึง 18 แห่ง 3 ประเทศซึ่งได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และคูเวต ซึ่งรวมมูลค่าสินทรัพย์กว่า 5 แสนล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ"สุริพลบอก