xs
xsm
sm
md
lg

อเบอร์ดีนลุ้นหุ้นไทยQ4ดีขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอดิเทพ ววรรณพฤกษ์
บลจ.อเบอร์ดีน เผย ดัชนีผู้บริโภคปรับตัวขึ้นในช่วง 7 เดือน ดันหุ้นไทยในอีก 2 เดือนที่เหลือปรับตัวดีขึ้น ระบุยังให้นํ้าหนักปัจจัยการเมือง ย้ำหากนิ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุน ด้านแนวโน้มตลาดเกิดใหม่ มองราคาหุ้นยังสมเหตุสมพล ล่าสุดอัดโปรโมชั่น 2 กองทุนต่างประเทศ ดึงเงินเข้าพอร์ต

นายอดิเทพ ววรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างเหมาะสมในช่วงนี้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่ดีขึ้นตามที่คาดการณ์เอาไว้ โดยในระยะต่อจากนี้ต้องดูต่อไปว่าจะดีขึ้นในระดับใด ทั้งนี้ เชื่อว่าในอีก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ ทิศทางของตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้น รวมไปถึงภาวะของบริษัทต่างๆด้วยเช่นกัน เพราะผลการดำเนินงานเริ่มดีขึ้นมาตั้งแต่ในไตรมาสที่ 3 โดยเห็นได้จากดัชนีการบริโภคภายในประเทศเริ่มดีขึ้นในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แต่ในระยะต่อจากนี้ ตลาดอาจมีการขายทำกำไรกันออกมาบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นทั่วโลกในขณะนี้ เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นไปมาก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดปัญญาในเรื่องข่าวลือที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยตกลงมาอย่างแรงนั้น แต่ราคาหุ้นไทยยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งทางอเบอร์ดีนชื่นชอบเพราะในระยะยาวแล้วสามารถที่จะขยายตัวได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่

ส่วนปัจจัยเสี่ยงนั้น ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่คือเรื่องของการเมืองเท่านั้น หากการเมืองอยู่ในภาวะปกติก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและการลงทุนในประเทศ ซึ่งเรื่องของการเมืองทาง อเบอร์ดีน พยายามมองข้ามไปเพราะการลงทุนของอเบอร์ดีนนั้นเป็นการลงทุนในระยะยาว

"การที่ตลาดหุ้นไทยมีการเทขายกันอย่างหนักในช่วงปลายปีที่แล้วนั้น เป็นปัจจัยที่มาจากภายนอกประเทศทั้งสิ้น ซึ่งปัจจัยภายในประเทศมีเพียงเรื่องของการเมืองเท่านั้นซึ่งหาการเมืองนิ่งก็จะส่งผลดี" นายอดิเทพ กล่าว

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) นั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบระยะสั้น ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการทำธุรกิจของบริษัทและเชื่อว่าในที่สุดจะคลี่คลายไปได้

ด้านมร. แอนดรูว์ จิลแลน ผู้จัดการกองทุนที่ดูแลในส่วนตราสารทุนของตลาดเอเชียและกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของ อเบอร์ดีน แอสเส็ท แมเนจเม้นท์ เอเชีย ลิมิเต็ด กล่าวถึงทิศทางและโอกาสของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ว่า แม้จะมีการคาดการณ์เรื่องการฟื้นตัวของอัตรารายได้ในตลาดเอเชียและกลุ่มตลาดเกิดใหม่มากพอสมควรในปี 2553 แต่มูลค่าของหุ้นในตลาดทั้งสอง ยังคงมีมูลค่าที่สมเหตุสมผลเมื่อเปรียบเทียบกับระดับราคาที่ผ่านมา ทั้งนี้ การที่จะทำให้มุมมองเชิงบวกดังกล่าวยังคงอยู่ต่อไป การเติบโตของผลกำไรจะต้องเป็นไปตามที่ผู้ลงทุนคาดหวังไว้ด้วย ซึ่งอเบอร์ดีนยังคงให้กับความสำคัญกับบริษัทที่ลงทุนอยู่ มากกว่าจะพิจารณาที่สภาพคล่องหรือความคาดหวังของผู้ลงทุน ซึ่งยังคงมองว่ายังมีโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาวในตลาดเอเชียและกลุ่มตลาดเกิดใหม่

โดยกลุ่มประเทศที่การเติบโตยังคงมีอยู่คือประเทศในแถบกลุ่มตลาดเกิดใหม่และเอเชีย การประกอบกันของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่กำลังสูงขึ้น รายจ่ายภาคสาธารณะที่มีจำนวนมาก และการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เป็นตัวส่งเสริมมุมมองของการลงทุนที่ดีในภูมิภาคนี้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติทางการเงินค่อนข้างน้อย เนื่องประเทศในภูมิภาคเอเชียเคยประสบวิกฤติการธนาคารในปี 2540 และได้เรียนรู้จากวิกฤตดังกล่าวมาแล้ว

ด้านนายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวว่า กลุ่มตลาดเกิดใหม่ (GEMs) ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่ปี ตั้งแต่ปี 2513 กลุ่มประเทศเหล่านี้ได้พัฒนาจากประเทศที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำสำหรับการผลิตให้โรงงานต่างประเทศมาสู่ศูนย์กลางการจ้างแรงงานจากภายนอกที่มีความชำนาญ ซึ่งเป็นผลจากโลกาภิวัฒน์ ขณะเดียวกันกลุ่มตลาดเกิดใหม่ได้ผลิตอุตสาหกรรมระหว่างประเทศระดับโลก ได่แก่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ เซมิคอนดักเตอร์ โรงงานผลิตอากาศยาน รองเท้า และอุตสาหกรรมการต่อเรือ ซึ่งปัจจัยของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแรงงานราคาถูก หรือความสะดวกในการซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัย ด้าน การเน้นการใช้เทคโนโลยี การออกแบบ และการให้ความสำคัญกับการบริการและคุณภาพ ดังนั้นความน่าสนใจของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ไม่ได้อยู่ที่ความหลากหลายเท่านั้น แต่อยู่ที่การจะได้เป็นผู้นำระดับโลกต่อไปด้วย

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนกับกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ (ABGEM) และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ทุกๆ 1 ล้านบาท ภายในวันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2552 จะได้รับ Central Gift Voucher มูลค่า 1,500 บาท
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์
กำลังโหลดความคิดเห็น