บลจ.วรรณมองหุ้นไทยยังนิ่ง เงินทุนต่างชาติไม่ไหลกลับ เหตุเข้าใกล้ช่วงหยุดยาว ลุ้นอานิสงส์ "แอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ" ดันดัชนี พร้อมโชว์ผลงาน 2 กองทุนอีกทีเอฟ เดินหน้าประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ดันยอดเพิ่ม
นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีข่าวลบหรือปัจจัยลบออกมาบ่อยๆ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงการเทขายของนักลงทุนต่างชาติเพื่อทำกำไร ทำให้ดัชนีได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลต่อความวิตกกังวัลของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ไหลออกไปจากประเทศในช่วงก่อนหน้านี้ จากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าจะยังคงไม่กลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในเร็วนี้ เนื่องจากว่าในช่วงเดือนธันวาคมหรือช่วงปลายปีนี้นักลงทุนต่างประเทศจะมีแผนการหยุดพักผ่อนและลาพักร้อน ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้หยุดพักการลงทุนไปด้วย
ดังนั้น การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้ในช่วงปลายปีนั้น จะมาจากนักลงทุนที่เข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(อาร์เอ็มเอฟ) ซึ่งเป็นการลงทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี รวมไปถึงการเข้าซื้อขายของนักลงทุนภายในประเทศ
นายชัยพฤกษ์กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงที่ผ่านมาก่อนที่จะปรับตัวลดลงนั้น ทำให้ผลการดำเนินงานกองทุนเปิด ThaiDex FTSE SET Large Cap ETF (TFTSE ) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยดัชนีอ้างอิง (FTSE SET Large Cap Index) ปรับตัวดีกว่า SET50 แม้ว่าในแต่ละวันจะมีการซื้อขายไม่มากนัก
ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอ็นเอวี)ของกองทุนค่อนข้างที่จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะเดียวกัน แม้เอ็นเอวีของกองทุนจะไม่เพิ่ม แต่มูลค่าหน่วยลงทุนกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 9 บาทได้จาก 7 บาทกว่า ในช่วงจัดตั้งกองทุน ก่อนจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 8 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบผลการดำเนินงานระหว่างกองทุนเปิด TFTSE และกองทุนเปิด TDEX พบว่าผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด TFTSE ปรับตัวดีกว่ากองทุนเปิด TDEX แต่เนื่องจากว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักกองทุนเปิดTFTSE รู้จักแต่กองทุนเปิดTDEX ส่งผลให้เอ็นเอวีของกองทุนไม่โตตามที่ได้คาดการณ์กันไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ของกองทุนจะเป็นนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะยาวเป็นส่วนใหญ่
"ที่ผ่านมาบริษัทได้เดินหน้าให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกองทุนเปิดTFTSE อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากว่าเป็นกองทุนอีทีเอฟน้องใหม่ ทำให้นักลงทุนบางท่านไม่รู้ว่ากองทุนดังกล่าวมีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทไหน มีวิธีการลงทุนอย่างไร ทำให้นักลงทุนส่วนมากหันไปลงทุนในกองทุนเปิดTDEX ที่นักลงทุนรู้จักมากกว่า รวมไปถึงที่ผ่านมาหุ้นพลังงานมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ส่งผลดีต่อกองทุนTDEX ทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวขึ้นมาด้วย"นายชัยพฤกษ์ กล่าว
นายชัยพฤกษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทมีเเผนเดินหน้าให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเน้นการให้ความรู้และข้อมูลข่าวสารกับโบรกเกอร์ รวมไปถึงการบรรยายหรือการจัดสัมนาในหัวข้อที่เกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนเปิดTDEX และTFTSE ที่จัดอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับข้อดีของการลงทุนทั้งสอง นักลงทุนสามารถที่จะปรับเปลี่ยนการลงทุนได้อย่างทันท่วงที่ โดยหากนักลงทุนมีมุมมองเกี่ยวกับภาพรวมการลงทุนว่าหลังจากนี้แนวโน้มการลงทุนในกลุ่มพลังงานจะดี นักลงทุนก็เลือกเข้าลงทุนในกองทุนเปิดTDEX
แต่หากนักลงทุนมองว่ากลุ่มแบงก์จะสร้างผลตอบแทนที่ดีก็ให้เลือกลงทุนในกองทุนเปิดTFTSE ซึ่งนอกจากข้อดีที่กล่าวมาแล้วนั้น ข้อดีอีกข้อคือนักลงทุนนักลงทุนไม่จำเป็นที่จะเข้าลงทุนในหุ้นเป็นรายตัว เพราะเมื่อนักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟของเรานั้น เหมือนนักลงทุนได้หุ้นทั้งตะกร้า จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงได้ดีที่เดียว