คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปรับตัวลดลง 31.83 จุดหรือ 4.44 % โดย ณ วันที่ 30 ตุลาคม 52 SET Index ปิดที่ระดับ 685.24 จุด และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 26,072.65 ล้านบาท โดย SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันโดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องการเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมทั้งกระแสเงินลงทุนที่เข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/52 โดย SET Index ปรับตัวขึ้นและแตะระดับสูงสุดที่ 758.55 จุด ณ วันที่ 13 ต.ค.
หลังจากนั้นตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากความกังวลจากปัจจัยต่างๆอันได้แก่ กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ระงับโครงการ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุด และความกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการ 3จี ที่อาจจะล่าช้า รวมถึงประเด็นการเมืองเรื่องความขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมามาก จึงเป็นเหตุที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไร โดย SET Index ลงไปแตะระดับต่ำสุดของเดือนที่ 670.72 จุด ณ วันที่ 15 ต.ค. 52 หลังจากนั้น SET ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 739 จุดในวันที่ 20 ต.ค. จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติบางส่วนที่เห็นหุ้นไทยปรับลงแรง อย่างไรก็ตาม SET Index ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 730 และปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ข้อมูลเงินเฟ้อ และผลประกอบการของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมซึ่งออกมาแย่กว่าที่คาด ทั้งนี้เดือนตุลาคมนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 655.45 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ 2,413.23 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิ 1,757.78 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน SET Index น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 680-750 จุด โดยตลาดหุ้นอาจจะมีการปรับฐานระยะสั้นจากการทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระยะหนึ่งและให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับปีนี้ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศตลอดจนปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปรับตัวลดลง 31.83 จุดหรือ 4.44 % โดย ณ วันที่ 30 ตุลาคม 52 SET Index ปิดที่ระดับ 685.24 จุด และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 26,072.65 ล้านบาท โดย SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันโดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องการเจรจาระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมทั้งกระแสเงินลงทุนที่เข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/52 โดย SET Index ปรับตัวขึ้นและแตะระดับสูงสุดที่ 758.55 จุด ณ วันที่ 13 ต.ค.
หลังจากนั้นตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากความกังวลจากปัจจัยต่างๆอันได้แก่ กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ระงับโครงการ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุด และความกังวลเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการ 3จี ที่อาจจะล่าช้า รวมถึงประเด็นการเมืองเรื่องความขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมามาก จึงเป็นเหตุที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไร โดย SET Index ลงไปแตะระดับต่ำสุดของเดือนที่ 670.72 จุด ณ วันที่ 15 ต.ค. 52 หลังจากนั้น SET ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 739 จุดในวันที่ 20 ต.ค. จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติบางส่วนที่เห็นหุ้นไทยปรับลงแรง อย่างไรก็ตาม SET Index ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 730 และปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ข้อมูลเงินเฟ้อ และผลประกอบการของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมซึ่งออกมาแย่กว่าที่คาด ทั้งนี้เดือนตุลาคมนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิ 655.45 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ 2,413.23 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิ 1,757.78 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน SET Index น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 680-750 จุด โดยตลาดหุ้นอาจจะมีการปรับฐานระยะสั้นจากการทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระยะหนึ่งและให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับปีนี้ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศตลอดจนปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
