บลจ.วรรณ แนะกระจายความเสี่ยงลุยต่างประเทศ ชง 2 กองทุนตราสารหนี้ ตระกูล "วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์" หลังผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 13%
นางสาวทิวารัตน์ เตชะมีเกียรติชัย กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นได้ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนต่างๆทั้งในและต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยส่งผลให้กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์(1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP -D) ซึ่งได้ลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) มีผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการปรับพอร์ตการลงทุนจากผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถมาก โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกองทุน New Capital Global Fixed Income Fund มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กองทุนทั้งสองมีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 13% ซึ่งเป็นการปรับตัวที่ดีเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนทั้ง 2 กองในช่วงที่ผ่านมา มีการปรับพอร์ตตามภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนทั้งสองได้ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้ถึง 60 % และลงทุนในพันธบัตรของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 40% โดยมีอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ 1.5%
ซึ่งการปรับพอร์ตของกองทุนนั้น ได้สร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจต่อนักลงทุนจึงทำกองทุนดังกล่าวมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนทั้งระยะสั้น ระยะยาว
สำหรับกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ มีพอร์ตการลงทุนที่เหมือนกัน โดยทั้งสองกองทุนนั้นมีความแตกต่างกันที่นโยบายการจ่ายเงินปันผลเท่านั้น ซึ่งกองทุนดังกล่าวนั้น มีผู้จัดการกองทุนต่างประเทศเป็นผู้ดูแลอยู่ในเรื่องของพอร์ตการลงทุนและผลตอบแทนที่ได้รับด้วย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนทั้งสองนี้ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในประเทศ ซึ่งทั้ง 2 กองทุน เป็นกองทุนที่มีการลงทุนในพันธบัตรทั่วโลก จึงอยากให้นักลงทุนอย่ามองถึงเรื่องผลตอบแทนที่ได้รับ แต่อยากให้มองถึงการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนเป็นหลัก
"การที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางใด แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตลาดหุ้นจะดีหรือไม่ดี ทำให้การเลือกลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไปลงทุนยังกองทุนอื่นๆนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ หรือการลงทุนในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียวนั้น ถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนในยังบอนด์ทั่วโลก เช่น อเมริกา ยุโรป ที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังไม่ดี แต่การเลือกลงทุนในแบงก์ใหญ่ๆยอมให้ส่วนต่างเยอะ เนื่องจากว่าต้นทุนถูก ทำให้มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย "นางสาวทิวารัตน์ กล่าว
นางสาวทิวารัตน์ เตชะมีเกียรติชัย กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นได้ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนต่างๆทั้งในและต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย โดยส่งผลให้กองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์(1NEWCAP) และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ (1NEWCAP -D) ซึ่งได้ลงทุนในหน่วยลงทุนของ New Capital Global Fixed Income Fund (Master Fund) มีผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการปรับพอร์ตการลงทุนจากผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถมาก โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลตอบแทนของกองทุน New Capital Global Fixed Income Fund มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กองทุนทั้งสองมีผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 13% ซึ่งเป็นการปรับตัวที่ดีเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนทั้ง 2 กองในช่วงที่ผ่านมา มีการปรับพอร์ตตามภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนทั้งสองได้ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกู้ถึง 60 % และลงทุนในพันธบัตรของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 40% โดยมีอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุนอยู่ที่ 1.5%
ซึ่งการปรับพอร์ตของกองทุนนั้น ได้สร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจต่อนักลงทุนจึงทำกองทุนดังกล่าวมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนทั้งระยะสั้น ระยะยาว
สำหรับกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ และกองทุนเปิด วรรณ นิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ดิวิเดน ฟันด์ มีพอร์ตการลงทุนที่เหมือนกัน โดยทั้งสองกองทุนนั้นมีความแตกต่างกันที่นโยบายการจ่ายเงินปันผลเท่านั้น ซึ่งกองทุนดังกล่าวนั้น มีผู้จัดการกองทุนต่างประเทศเป็นผู้ดูแลอยู่ในเรื่องของพอร์ตการลงทุนและผลตอบแทนที่ได้รับด้วย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนทั้งสองนี้ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในประเทศ ซึ่งทั้ง 2 กองทุน เป็นกองทุนที่มีการลงทุนในพันธบัตรทั่วโลก จึงอยากให้นักลงทุนอย่ามองถึงเรื่องผลตอบแทนที่ได้รับ แต่อยากให้มองถึงการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนเป็นหลัก
"การที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นไปในทิศทางใด แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตลาดหุ้นจะดีหรือไม่ดี ทำให้การเลือกลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงไปลงทุนยังกองทุนอื่นๆนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศ หรือการลงทุนในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียวนั้น ถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนในยังบอนด์ทั่วโลก เช่น อเมริกา ยุโรป ที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังไม่ดี แต่การเลือกลงทุนในแบงก์ใหญ่ๆยอมให้ส่วนต่างเยอะ เนื่องจากว่าต้นทุนถูก ทำให้มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย "นางสาวทิวารัตน์ กล่าว