บลจ.อเบอร์ดีน ชี้ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังเป็นหลักของโลกอยู่ เผยมีกองทุนที่รองรับการฟื้นตัวไว้ครบแล้ว พร้อมแนะนักลงทุน ช้อนหุ้น ยุโรป และสหรัฐฯ รอรับกำไรหลังเศรษฐกิจฟื้น หลังผ่านจุดตํ่าสุดของวิกฤตไปแล้ว
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศราฐกิจของทั่วโลกในขณะนี้แม้ว่าจะไม่มีการฟื้นตัวขึ้นมาอย่างปกติ แต่ก็มีสัญญาณที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่เริ่มทรงตัวและไม่แย่ลงไปอีก ขณะเดียวกันจะได้ว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นกันมากขึ้น เนื่องจากมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดยตลาดหุ้นในเอเชียมีเงินไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 50% หลังจากก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเข้าที่จะลงทุนแลัเก็บเงินสดเอาไว้มาก แต่เมื่อเห็นว่าจุดตํ่าสุดของความเสี่ยหายทางเศรษฐกิจได้ผ่านไปแล้ว จึงกลับเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น
"เนื่องจากเศรษฐกิจของเอเชียนั้นได้รับผลกระทบน้อยกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและยุโรป และเมื่อถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจของเอชียจะฟื้วตัวได้รวดเร็วกว่า" นายอดิเทพ กล่าว
ทั้งนี้สำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากับประเทศในยุโรปนั้นแม้ว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเติบโตในอัตราที่สูงไม่เท่ากับเศรษฐกิจของประเทศจีน แต่ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 20% ของเศรษฐกิจโลก ส่วนจีนมีขนาดเพียงแค่ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังเป็นเศรษฐกิจหลักของโลกอยู่ซึ่งประเทศจีนยังไม่สามารถที่จะแทนที่ได้
ดังนั้น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน จึงแนะนำนักลงทุนว่า ขณะนี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว หากนักลงทุนมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นของประเทศดังกล่าวกำลังจะกลับขึ้นไปแล้ว นักลงทุนสามารถลงทุนได้เลยในขณะนี้เพราะราคาหุ้นที่ยังถูกอยู่มาก โดยทางบลจ.อเบอร์ดีนนั้นมีกองทุนเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศเหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เวิลด์ ออพพอร์ทูนิตี้ส์ ฟันด์ (Aberdeen World Opportunities Fund) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ยูโรเปี้ยน โกรท ฟันด์ (Aberdeen European Growth Fund) รวมถึง กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (Aberdeen Asia Pacific Equity Fund ) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์( Aberdeen Global Emerging Growth Fund)
"หุ้นของยุโรปนั้น มีค่า P/E ประมาณ 12 เท่าซึ่งถือว่าถูกมาก ขณะที่จีนกับฮ่องกงอยู่ที่ 15-16 เท่า ส่วน ประเทศเกิดใหม่อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า ซึ่งในระยาวแล้วจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้อย่างแน่นอน" นายอดิเทพ กล่าว
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศราฐกิจของทั่วโลกในขณะนี้แม้ว่าจะไม่มีการฟื้นตัวขึ้นมาอย่างปกติ แต่ก็มีสัญญาณที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่เริ่มทรงตัวและไม่แย่ลงไปอีก ขณะเดียวกันจะได้ว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นกันมากขึ้น เนื่องจากมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดยตลาดหุ้นในเอเชียมีเงินไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 50% หลังจากก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเข้าที่จะลงทุนแลัเก็บเงินสดเอาไว้มาก แต่เมื่อเห็นว่าจุดตํ่าสุดของความเสี่ยหายทางเศรษฐกิจได้ผ่านไปแล้ว จึงกลับเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น
"เนื่องจากเศรษฐกิจของเอเชียนั้นได้รับผลกระทบน้อยกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและยุโรป และเมื่อถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจของเอชียจะฟื้วตัวได้รวดเร็วกว่า" นายอดิเทพ กล่าว
ทั้งนี้สำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกากับประเทศในยุโรปนั้นแม้ว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะเติบโตในอัตราที่สูงไม่เท่ากับเศรษฐกิจของประเทศจีน แต่ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 20% ของเศรษฐกิจโลก ส่วนจีนมีขนาดเพียงแค่ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังเป็นเศรษฐกิจหลักของโลกอยู่ซึ่งประเทศจีนยังไม่สามารถที่จะแทนที่ได้
ดังนั้น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน จึงแนะนำนักลงทุนว่า ขณะนี้เศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรปได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว หากนักลงทุนมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นของประเทศดังกล่าวกำลังจะกลับขึ้นไปแล้ว นักลงทุนสามารถลงทุนได้เลยในขณะนี้เพราะราคาหุ้นที่ยังถูกอยู่มาก โดยทางบลจ.อเบอร์ดีนนั้นมีกองทุนเพื่อรองรับการเติบโตของประเทศเหล่านี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เวิลด์ ออพพอร์ทูนิตี้ส์ ฟันด์ (Aberdeen World Opportunities Fund) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ยูโรเปี้ยน โกรท ฟันด์ (Aberdeen European Growth Fund) รวมถึง กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (Aberdeen Asia Pacific Equity Fund ) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์( Aberdeen Global Emerging Growth Fund)
"หุ้นของยุโรปนั้น มีค่า P/E ประมาณ 12 เท่าซึ่งถือว่าถูกมาก ขณะที่จีนกับฮ่องกงอยู่ที่ 15-16 เท่า ส่วน ประเทศเกิดใหม่อยู่ที่ประมาณ 14 เท่า ซึ่งในระยาวแล้วจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้อย่างแน่นอน" นายอดิเทพ กล่าว