บลจ.บัวหลวง เผยเลื่อนเพิ่มทุน "ไทคอน" เป็นปีหน้าแทน เหตุหวังรอระดมทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ "ทีพาร์ค โลจิสติคส์" กองที่ 2 คาดเริ่มไอพีโอได้ไม่เกินปลายปีนี้
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทมีแผนว่าในช่วงประมาณสิ้นปีจะมีการเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) ซึ่งต้องเลื่อนการเพิ่มทุนออกไปเป็นในปีหน้าแทน เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมามีผู้เช่าโรงงานน้อยเหตุเกิดจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้เช่าต่างถอนตัวอออกไปบ้าง
อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 4 นี้คาดว่าอัตราการเช่าจะมีเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจปรับตัวพลิกฟื้นดีขึ้น และมีผู้เช่าได้ทยอยเข้ามาเช่าโรงงานบ้างแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิหรือ เอยูเอ็มในช่วงสิ้นปีนี้จะไม่ต่ำไปกว่า 8,000 ล้านบาท
"ในช่วงไตรมาส 4 จะมีนักลงทุนเริ่มทยอยเข้ามาเช่าโรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าได้มีลูกค้าบางรายได้มาดูโรงงานที่จะเช่าแล้ว ส่วนลูกค้าที่ออกไปเราก็รู้ล่วงหน้า เนื่องจากกว่าการเช่าโรงงานต้องมีการเซ็นสัญญาในการเช่าและการออกก็ต้องมีการบอกกล่าวไว้ล่วงหน้าด้วย ซึ่งยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 1-3 ที่ผ่านมาโรงงานก็ได้รับผลกระทบบ้างเพราะจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คงได้รับผลกระทบไปตาม ๆ ไม่ใช่แต่จะเป็นเพียงของเราที่เดียว และหลังไตรมาส 4 ไปแล้วเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะเราได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว"
นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า อีกหนึ่งสาเหตุที่ต้องชะลอการเพิ่มทุนนั้น เนื่องจากว่าบริษัทกำลังมีนโยบายที่จะเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทีพาร์ค โลจิสติคส์ หรือทีโลจิส (TLOGIS) ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนที่ 2 ของบริษัท โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาจากทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก (ก.ล.ต.) อยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ หรือช้าสุดน่าจะไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอน
โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในกรรมสิทธิที่ดินและคลังสินค้าใน 2 โครงการ ด้วยการซื้อทรัพย์สินจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ประกอบด้วยคลังสินค้าในโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา บนที่ดินจำนวน 48-3-32 ไร่ และคลังสินค้าทั่วไป และคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Custom Free Zone) ของโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค บางนา บนที่ดินจำนวน 41-1-80 ไร่ โดยมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
สำหรับจุดเด่นของกองทุนทีโลจิส อยู่ที่การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดินและสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ซึ่งในระยะยาวมีโอกาสที่มูลค่าจะสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน จากการเพิ่มของราคาที่ดิน และค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากโครงการทั้ง 2 แห่ง อยู่ในทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพสูง
ทั้งนี้ในเรื่องของผลตอบแทนนั้นกองทุนดังกล่าว จะได้รับการป้องกันความเสี่ยงด้วยการรับประกันรายได้ขั้นต่ำโดยผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลา 7 ปี และจะมีการวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์เป็นหลักประกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนอีกชั้นหนึ่งด้วย
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทมีแผนว่าในช่วงประมาณสิ้นปีจะมีการเพิ่มทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) ซึ่งต้องเลื่อนการเพิ่มทุนออกไปเป็นในปีหน้าแทน เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมามีผู้เช่าโรงงานน้อยเหตุเกิดจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้เช่าต่างถอนตัวอออกไปบ้าง
อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 4 นี้คาดว่าอัตราการเช่าจะมีเพิ่มขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจปรับตัวพลิกฟื้นดีขึ้น และมีผู้เช่าได้ทยอยเข้ามาเช่าโรงงานบ้างแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิหรือ เอยูเอ็มในช่วงสิ้นปีนี้จะไม่ต่ำไปกว่า 8,000 ล้านบาท
"ในช่วงไตรมาส 4 จะมีนักลงทุนเริ่มทยอยเข้ามาเช่าโรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าได้มีลูกค้าบางรายได้มาดูโรงงานที่จะเช่าแล้ว ส่วนลูกค้าที่ออกไปเราก็รู้ล่วงหน้า เนื่องจากกว่าการเช่าโรงงานต้องมีการเซ็นสัญญาในการเช่าและการออกก็ต้องมีการบอกกล่าวไว้ล่วงหน้าด้วย ซึ่งยอมรับว่าในช่วงไตรมาส 1-3 ที่ผ่านมาโรงงานก็ได้รับผลกระทบบ้างเพราะจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คงได้รับผลกระทบไปตาม ๆ ไม่ใช่แต่จะเป็นเพียงของเราที่เดียว และหลังไตรมาส 4 ไปแล้วเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะเราได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเรียบร้อยแล้ว"
นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า อีกหนึ่งสาเหตุที่ต้องชะลอการเพิ่มทุนนั้น เนื่องจากว่าบริษัทกำลังมีนโยบายที่จะเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทีพาร์ค โลจิสติคส์ หรือทีโลจิส (TLOGIS) ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนที่ 2 ของบริษัท โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาจากทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก (ก.ล.ต.) อยู่ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ หรือช้าสุดน่าจะไม่เกินสิ้นปีนี้แน่นอน
โดยกองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในกรรมสิทธิที่ดินและคลังสินค้าใน 2 โครงการ ด้วยการซื้อทรัพย์สินจากบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ประกอบด้วยคลังสินค้าในโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา บนที่ดินจำนวน 48-3-32 ไร่ และคลังสินค้าทั่วไป และคลังสินค้าในเขตปลอดอากร (Custom Free Zone) ของโครงการเขตอุตสาหกรรมโลจิสติคส์ ทีพาร์ค บางนา บนที่ดินจำนวน 41-1-80 ไร่ โดยมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท
สำหรับจุดเด่นของกองทุนทีโลจิส อยู่ที่การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดินและสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ซึ่งในระยะยาวมีโอกาสที่มูลค่าจะสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน จากการเพิ่มของราคาที่ดิน และค่าเช่าที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากโครงการทั้ง 2 แห่ง อยู่ในทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพสูง
ทั้งนี้ในเรื่องของผลตอบแทนนั้นกองทุนดังกล่าว จะได้รับการป้องกันความเสี่ยงด้วยการรับประกันรายได้ขั้นต่ำโดยผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลา 7 ปี และจะมีการวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์เป็นหลักประกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนอีกชั้นหนึ่งด้วย