บลจ.ทหารไทย เพิ่มทุนกองจีน 1,000 ล้านบาท รองรับรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มทุนกองธนบดีเพื่อการเลี้ยงชีพอีก 1,000 ล้านบาท รองรับมนุษย์เงินเดือนช่วงปลายปี
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทฯได้เพิ่มทุนกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index อีก 1,000 ล้านบาท คิดเป็นเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจุบันมูลค่าโครงการที่ขอจดทะเบียนไว้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นหรือเกินกว่า 70 % ของหน่วยลงทุนทั้งหมด จึงต้องขอจดทะเบียนเพิ่มทุนเพื่อรองรับกับการเติบโตของกองทุนในอนาคต
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิใด ๆ ของผู้ถือหน่วย และไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ได้ตามปกติ โดยในส่วนของผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ของกองทุน ให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 25.13% (ข้อมูล ณ 29 กันยายน 52)
“ในช่วงเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงขาลง แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกลับมองประเทศจีนในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการต่างๆมาใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ยกเลิกโควตาสินเชื่อ และสนับสนุนให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นทั้งด้านการลงทุนของภาคธุรกิจและอุปสงค์ของผู้บริโภคให้ขยายตัว ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนถือว่ามีความผันผวนสูงเนื่องจากนักลงทุนมีความอ่อนไหว ผู้ลงทุนจึงควรกระจายพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้” นายสมจินต์กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index เป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares FTSE/ Xinhua A50 China Tracker ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง โดยกลยุทธ์กองทุนจะใช้นโยบายบริหารเชิงรับ (Passive Investment Strategy) เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี FTSE/ Xinhua China A50 ซึ่งเป็นการลงทุนในตลาด A Shares ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนที่ซื้อขายโดยคนจีน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังได้เพิ่มทุนกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี เพื่อการเลี้ยงชีพ อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนในหน่วยลงทุนเกินกว่า 80% รวมเป็นเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 3,000 ล้าน อีกทั้งยังรองรับความต้องการนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีในช่วงปลายปีเช่นเดียวกัน โดยทั้ง 2 กองทุนได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัพทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทฯได้เพิ่มทุนกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index อีก 1,000 ล้านบาท คิดเป็นเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจุบันมูลค่าโครงการที่ขอจดทะเบียนไว้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นหรือเกินกว่า 70 % ของหน่วยลงทุนทั้งหมด จึงต้องขอจดทะเบียนเพิ่มทุนเพื่อรองรับกับการเติบโตของกองทุนในอนาคต
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิใด ๆ ของผู้ถือหน่วย และไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ได้ตามปกติ โดยในส่วนของผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ของกองทุน ให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 25.13% (ข้อมูล ณ 29 กันยายน 52)
“ในช่วงเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงขาลง แต่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกลับมองประเทศจีนในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการต่างๆมาใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ยกเลิกโควตาสินเชื่อ และสนับสนุนให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นทั้งด้านการลงทุนของภาคธุรกิจและอุปสงค์ของผู้บริโภคให้ขยายตัว ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนถือว่ามีความผันผวนสูงเนื่องจากนักลงทุนมีความอ่อนไหว ผู้ลงทุนจึงควรกระจายพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้” นายสมจินต์กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index เป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares FTSE/ Xinhua A50 China Tracker ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง โดยกลยุทธ์กองทุนจะใช้นโยบายบริหารเชิงรับ (Passive Investment Strategy) เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี FTSE/ Xinhua China A50 ซึ่งเป็นการลงทุนในตลาด A Shares ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนที่ซื้อขายโดยคนจีน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังได้เพิ่มทุนกองทุนเปิดทหารไทยธนบดี เพื่อการเลี้ยงชีพ อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนในหน่วยลงทุนเกินกว่า 80% รวมเป็นเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 3,000 ล้าน อีกทั้งยังรองรับความต้องการนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีในช่วงปลายปีเช่นเดียวกัน โดยทั้ง 2 กองทุนได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัพทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว