บลจ.บัวหลวง จ่อคิวระดมทุน 1,500 ล้านบาท ตั้งกองทุนอสังหาโกดังสินค้า ชูจุดเด่น รับประกันรายได้ขั้นต่ำให้นักลงทุนสูงถึง 7 ปี หมดห่วงแม้เศรษฐกิจทรุด พร้อมรับโอกาสผลตอบแทนเพิ่ม หลังศก.ฟื้น คาดเปิดขายไอพีโอได้ปลายปีนี้
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มอีก 1 กองทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในทรัพย์สินประเภทโกดังสินค้าในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งสินทรัพย์นี้ ยังเป็นของเจ้าของเดิมกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนอยู่ โดยกองทุนจะมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท โดยขณะนี้กองทุนยังอยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้นักลงทุนได้เข้ามลงทุนกันในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนตรงที่กองทุนนี้ จะมีการประกันรายได้ขั้นต่ำให้แก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุน ซึ่งหากสถานะการลงทุนในช่วงนั้น ๆ ไม่ดี นักลงจะคงได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำจากการเข้ามาลงทุน นอกจากนี้แล้ว กองทุนดังกล่าวยังได้รับการรับประกันจากทางบริษัทที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินในการจัดตั้งกองทุนเป็นระยะเวลาถึง 7 ปีอีกด้วย
"นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว จะด้รับรายได้ในขั้นต่ำ โดยใน 7 ปีแรกนักลงทุนสามารถมั่นใจได้เลยว่า จะต้องได้รับผลตอบแทนแน่นอนถึงแม้ว่าในช่วงนั้น ๆ จะไม่มีคนเช่าโกดังสินค้าก็ตาม ซึ่งจะมีความแตกต่างจากกองทุนรวมไทคอน ที่ไม่มีการรับประกัน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโกดังสินค้านี้ จะมีผู้เข้ามาเช่าอย่างแน่นอน เพราะบริษัทนี้มีความเชี่ยวชาญด้านโกดังสินค้าและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงต่อวงการธุรกิจอยู่แล้ว"นายสุทธิพงศ์กล่าว
นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดขายกองทุนดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นอีกทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนแต่ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน เพราะอาจจะคิดว่ามีความเสี่ยง แต่เมื่อบริษัทรับประกันความเสี่ยงให้ถึง 7 ปี ก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง และจะกล้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพราะเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจขาขึ้นก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนมากยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าการแข็งขันของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เองจะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าหลาย บลจ. มีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก
"ความน่าสนใจของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ คงเป็นเรื่องของผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกต่อนักลงทุนในการกระจายการลงทุน เพราะจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเองยังคงไม่ค่อยมีความจูงใจมากนัก"นายสุทธิพงศ์กล่าว
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มอีก 1 กองทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในทรัพย์สินประเภทโกดังสินค้าในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งสินทรัพย์นี้ ยังเป็นของเจ้าของเดิมกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนอยู่ โดยกองทุนจะมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท โดยขณะนี้กองทุนยังอยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้นักลงทุนได้เข้ามลงทุนกันในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนตรงที่กองทุนนี้ จะมีการประกันรายได้ขั้นต่ำให้แก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุน ซึ่งหากสถานะการลงทุนในช่วงนั้น ๆ ไม่ดี นักลงจะคงได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำจากการเข้ามาลงทุน นอกจากนี้แล้ว กองทุนดังกล่าวยังได้รับการรับประกันจากทางบริษัทที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินในการจัดตั้งกองทุนเป็นระยะเวลาถึง 7 ปีอีกด้วย
"นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว จะด้รับรายได้ในขั้นต่ำ โดยใน 7 ปีแรกนักลงทุนสามารถมั่นใจได้เลยว่า จะต้องได้รับผลตอบแทนแน่นอนถึงแม้ว่าในช่วงนั้น ๆ จะไม่มีคนเช่าโกดังสินค้าก็ตาม ซึ่งจะมีความแตกต่างจากกองทุนรวมไทคอน ที่ไม่มีการรับประกัน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโกดังสินค้านี้ จะมีผู้เข้ามาเช่าอย่างแน่นอน เพราะบริษัทนี้มีความเชี่ยวชาญด้านโกดังสินค้าและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงต่อวงการธุรกิจอยู่แล้ว"นายสุทธิพงศ์กล่าว
นายสุทธิพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดขายกองทุนดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นอีกทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนแต่ยังไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน เพราะอาจจะคิดว่ามีความเสี่ยง แต่เมื่อบริษัทรับประกันความเสี่ยงให้ถึง 7 ปี ก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะทำให้นักลงทุนสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง และจะกล้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพราะเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจขาขึ้นก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนมากยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าการแข็งขันของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เองจะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าหลาย บลจ. มีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก
"ความน่าสนใจของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ คงเป็นเรื่องของผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกต่อนักลงทุนในการกระจายการลงทุน เพราะจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเองยังคงไม่ค่อยมีความจูงใจมากนัก"นายสุทธิพงศ์กล่าว
