บลจ.บีทีชี้ ส่งตลาดหุ้นขยับขึ้น รับข่าวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจล่วงหน้า แนะนักลงทุน ยังต้องลงทุนในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เพราะความผันผวนยังมี ขณะเดียวกัน เตรียมแผนออกกองทุนหุ้นครึ่งปีหลัง แต่ขอรอจังหวะที่เหมาะสมก่อน
นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้น ได้มีการปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ซึ่งในการปรับตัวครั้งนี้ เป็นการปรับตัวขึ้นมาเพื่อรองรับความคาดหวังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ที่รัฐบาลกำลังออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่า หุ้นเองมีการปรับขึ้นแล้วกว่า 50% แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในขณะนี้ยังคงต้องลงทุนในระยะยาว จึงจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าช่วงระยะเวลาอันสั้น เพราะการลงทุนในช่วง ๆ นี้ ยังคงต้องระมัดระวังกับความผันผวนอยู่
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเองก็มีความสนใจที่จะออกกองทุนหุ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การออกกองทุนใหม่ ๆ บริษัทมีนโยบายว่า การเปิดกองทุนใหม่ๆ เราต้องดูถึงจังหวะและความเหมาะสมในการออกกองทุนเป็นหลัก ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้คงต้องรอดูเศรษฐกิจก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ กองทุนหุ้นของบริษัทที่บริหารจัดการอยู่นั้นมีทั้งสิ้น 3 กองทุน ประกอบด้วย 1. กองทุนเปิด บีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล 2. กองทุนเปิดบีทีไลฟ์ หุ้นระยะยาว 3. กองทุนเปิดบีไลฟ์ 70 หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และ 4. กองทุนเปิดหุ้น ทาร์เก็ต 15/1
สำหรับผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนทั้ง 4 จะเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเดียกวัน โดยกองทุนเปิด บีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2552 มีมูลค่าหน่วยลงทุน 7.96 บาทต่อหน่วย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ (เอ็นเอวี) อยู่ที่ 84.39 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 7.06% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 32.41% ย้อนหลัง 3 เดือน 6.16% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 35.16% ย้อนหลัง 6 เดือน 7.14% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 33.40% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -32.46% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -23.19% โดยกองทุนเข้าเริ่มจดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548
ส่วนกองทุนเปิด บีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว มีมูลค่าหน่วยลงทุน 7.34 บาทต่อหน่วย โดยมีเอ็นเอวี อยู่ที่ 48.24 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.88% ย้อนหลัง 3 เดือน 9.46% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.99% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ -34.76% โดยกองทุนจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548
ขณะที่กองทุนเปิดบีไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ มีมูลค่าหน่วยลงทุน 6.96 บาทต่อหน่วย โดยมีเอ็นเอวี อยู่ที่ 13.56 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.45% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.06% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.40% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ -32.46% โดยกองทุนจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549
สุดท้ายกองทุนเปิด บีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1 มีมูลค่าหน่วยลงทุน 6.71 บาทต่อหน่วย โดยมีเอ็นเอวี อยู่ที่ 83.83 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.96% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.19% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.98% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ -31.93% โดยกองทุนจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2551
นอกจากนี้สัดส่วนการลงทุนทั้ง 4 กองทุนนั้น ณ สิ้นเดือน พฤษภาคม 2552 กองทุนเข้าไปลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูง 5 อันดับแรกได้แก่ 1. Information & Communication Technology 2. Energy & Utillties 3. Property Development 4. Banking และ 5. Finance & Securities ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. DTAC 2. ADVANC 3. PTT 4. BCP และ 5. STEC
นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้น ได้มีการปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงแล้ว ซึ่งในการปรับตัวครั้งนี้ เป็นการปรับตัวขึ้นมาเพื่อรองรับความคาดหวังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ที่รัฐบาลกำลังออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่า หุ้นเองมีการปรับขึ้นแล้วกว่า 50% แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในขณะนี้ยังคงต้องลงทุนในระยะยาว จึงจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าช่วงระยะเวลาอันสั้น เพราะการลงทุนในช่วง ๆ นี้ ยังคงต้องระมัดระวังกับความผันผวนอยู่
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทเองก็มีความสนใจที่จะออกกองทุนหุ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม การออกกองทุนใหม่ ๆ บริษัทมีนโยบายว่า การเปิดกองทุนใหม่ๆ เราต้องดูถึงจังหวะและความเหมาะสมในการออกกองทุนเป็นหลัก ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้คงต้องรอดูเศรษฐกิจก่อนว่าจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ กองทุนหุ้นของบริษัทที่บริหารจัดการอยู่นั้นมีทั้งสิ้น 3 กองทุน ประกอบด้วย 1. กองทุนเปิด บีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล 2. กองทุนเปิดบีทีไลฟ์ หุ้นระยะยาว 3. กองทุนเปิดบีไลฟ์ 70 หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ และ 4. กองทุนเปิดหุ้น ทาร์เก็ต 15/1
สำหรับผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนทั้ง 4 จะเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเดียกวัน โดยกองทุนเปิด บีที ไลฟ์ 70 หุ้นระยะยาวปันผล ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2552 มีมูลค่าหน่วยลงทุน 7.96 บาทต่อหน่วย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ (เอ็นเอวี) อยู่ที่ 84.39 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 7.06% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 32.41% ย้อนหลัง 3 เดือน 6.16% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 35.16% ย้อนหลัง 6 เดือน 7.14% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 33.40% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -32.46% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ -23.19% โดยกองทุนเข้าเริ่มจดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548
ส่วนกองทุนเปิด บีที ไลฟ์ หุ้นระยะยาว มีมูลค่าหน่วยลงทุน 7.34 บาทต่อหน่วย โดยมีเอ็นเอวี อยู่ที่ 48.24 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.88% ย้อนหลัง 3 เดือน 9.46% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.99% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ -34.76% โดยกองทุนจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548
ขณะที่กองทุนเปิดบีไลฟ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ มีมูลค่าหน่วยลงทุน 6.96 บาทต่อหน่วย โดยมีเอ็นเอวี อยู่ที่ 13.56 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.45% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -9.06% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.40% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ -32.46% โดยกองทุนจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549
สุดท้ายกองทุนเปิด บีที หุ้น ทาร์เก็ต 15/1 มีมูลค่าหน่วยลงทุน 6.71 บาทต่อหน่วย โดยมีเอ็นเอวี อยู่ที่ 83.83 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.96% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.19% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.98% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ -31.93% โดยกองทุนจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2551
นอกจากนี้สัดส่วนการลงทุนทั้ง 4 กองทุนนั้น ณ สิ้นเดือน พฤษภาคม 2552 กองทุนเข้าไปลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูง 5 อันดับแรกได้แก่ 1. Information & Communication Technology 2. Energy & Utillties 3. Property Development 4. Banking และ 5. Finance & Securities ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. DTAC 2. ADVANC 3. PTT 4. BCP และ 5. STEC