บลจ. ซีมิโก้ เปิดขายบอนด์ในประเทศ "ซีมิโก้ตราสารหนี้ 4M3" อายุ 12 เดือน ชูผลตอบแทน 1.94% ต่อปี หวังจับนักลงทุนไม่ชอบเสี่ยง เริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ - 16 กันยายน นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้ 4M3 หรือ S-FI 4M3 โดยกองทุนมีอายุของโครงการประมาณ 12 เดือน ซึ่งกองทุนได้ทำการเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 16 กันยายน 2552 โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.94% ต่อปี โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตั๋วแลกเงิน ซึ่งแบ่งออกเป็น 1. บริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ADLC-B/E ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 16.68% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร2% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.33% ต่อปี 2. บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR-B/E ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 1.52% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.20% ต่อปี
3. บริษัท เมเจอร์ ซีบีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR-B/E ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.23% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.30% ต่อปี 4. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF-B/E ในระดับ BBB+ เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.60% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.35% ต่อปี และ 5. บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE - B/E ในระดับ BBB+ เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 3.59% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.48% ต่อปี
ขณะเดียวกันในหุ้นกู้ บริษัทจะเข้าไปลงทุน หุ้นกู้บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ในระดับ BBB+ เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 6.68% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.74% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.18% ต่อปี , หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 3.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.24% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.07% ต่อปี , หุ้นกู้ของบริษัท ไทยคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCON ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 3.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร2.94% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.10% ต่อปี และหุ้นกู้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ในระดับ A เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 3.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.64% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.12%
นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังได้เข้าไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง ซึ่งสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 10% ส่วนผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 1.24% ต่อปี และผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที 0.12% ต่อปี ขณะที่เงินฝากนั้นกองทุนได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วนโดยประมาณ 3.33% ซึ่งจะสามารถให้ผลตอบแทนของตราสารได้ประมาณ 1.10% ต่อปี และผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 0.04% ต่อปี ดังนั้นผลตอบแทนของการลงทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 2.26% และหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุนแล้วจะสามารถให้ผลตอบแทนได้ประมาณการอยู่ที่ 1.94% ต่อปี
สำหรับกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจาการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเป็นการลงทุนที่ให้โอกาสผู้ลงทุนได้ตัดสินใจไถ่ถอนการลงทุนหรือลงทุนต่อได้ทุก ๆ ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐหรือภาคเอกชนที่มีคุณภาพหรือเงินฝาก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาต หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนจะไม่เข้าไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและในตราสารที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้ 4M3 หรือ S-FI 4M3 โดยกองทุนมีอายุของโครงการประมาณ 12 เดือน ซึ่งกองทุนได้ทำการเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 16 กันยายน 2552 โดยกองทุนมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 1.94% ต่อปี โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตั๋วแลกเงิน ซึ่งแบ่งออกเป็น 1. บริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ADLC-B/E ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 16.68% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร2% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.33% ต่อปี 2. บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR-B/E ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 1.52% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.20% ต่อปี
3. บริษัท เมเจอร์ ซีบีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR-B/E ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.23% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.30% ต่อปี 4. บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF-B/E ในระดับ BBB+ เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.60% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.35% ต่อปี และ 5. บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE - B/E ในระดับ BBB+ เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 13.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 3.59% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.48% ต่อปี
ขณะเดียวกันในหุ้นกู้ บริษัทจะเข้าไปลงทุน หุ้นกู้บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ในระดับ BBB+ เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 6.68% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.74% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.18% ต่อปี , หุ้นกู้ของธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 3.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.24% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.07% ต่อปี , หุ้นกู้ของบริษัท ไทยคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCON ในระดับ A- เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 3.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร2.94% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.10% ต่อปี และหุ้นกู้ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ในระดับ A เฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณอยู่ที่ 3.33% ซึ่งจะให้ผลตอบแทนของตราสาร 2.64% ต่อปี ให้ผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ 0.12%
นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังได้เข้าไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง ซึ่งสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 10% ส่วนผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ 1.24% ต่อปี และผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที 0.12% ต่อปี ขณะที่เงินฝากนั้นกองทุนได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วนโดยประมาณ 3.33% ซึ่งจะสามารถให้ผลตอบแทนของตราสารได้ประมาณ 1.10% ต่อปี และผลตอบแทนของการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 0.04% ต่อปี ดังนั้นผลตอบแทนของการลงทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 2.26% และหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุนแล้วจะสามารถให้ผลตอบแทนได้ประมาณการอยู่ที่ 1.94% ต่อปี
สำหรับกองทุนดังกล่าวเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจาการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเป็นการลงทุนที่ให้โอกาสผู้ลงทุนได้ตัดสินใจไถ่ถอนการลงทุนหรือลงทุนต่อได้ทุก ๆ ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐหรือภาคเอกชนที่มีคุณภาพหรือเงินฝาก หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาต หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนจะไม่เข้าไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและในตราสารที่มีลักษณะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง