นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ให้ความมั่นใจกับสมาชิก กบข. ว่าการลงทุนของ กบข. เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ซึ่ง พ.ร.บ. กบข. ได้กำหนดให้มีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง คือ การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 และอีกไม่เกินร้อยละ 40 สามารถลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัตินั้นปัจจุบัน กบข. มีการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูงถึง ร้อยละ 74.4 โดยมีการลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน หุ้นกู้ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัยในการจ่ายผลตอบแทน สำหรับการลงทุนในสัดส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 นั้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ได้มีการจัดสรรไปลงทุนในตราสารต่าง ๆ โดยได้มีการลงทุนในตราสารทุนในประเทศกว่าร้อยละ 7.7 ตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 5.8 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ 4.8 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 4.1 และการลงทุนทางเลือกอื่นๆ ร้อยละ 3.2
อย่างไรก็ตาม หลักการในการลงทุนนั้น ผลตอบแทนกับความเสี่ยงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอ โดยการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะต่ำ ในขณะเดียวกันลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงตามพร้อมๆ กับความผันผวนได้ง่าย ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในตราสารทุนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากข้อมูลดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย พบว่าได้มีการปรับตัวดีขึ้นจากเมื่อปลายปี 2551 กว่าร้อยละ 30 ซึ่งหมายความว่าการลงทุนตราสารทุนในช่วงที่ผ่านมาถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูง
นางสาววริยายังกล่าวอีกว่า ปัจจัยหลักที่สำคัญที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มคึกคักมากขึ้น สืบเนื่องมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยและภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมองเห็นสัญญาณบวก ตลอดจนการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของตลาดหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งแสดงว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ในทางปฏิบัตินั้นปัจจุบัน กบข. มีการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูงถึง ร้อยละ 74.4 โดยมีการลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน หุ้นกู้ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัยในการจ่ายผลตอบแทน สำหรับการลงทุนในสัดส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 นั้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ได้มีการจัดสรรไปลงทุนในตราสารต่าง ๆ โดยได้มีการลงทุนในตราสารทุนในประเทศกว่าร้อยละ 7.7 ตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 5.8 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ 4.8 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 4.1 และการลงทุนทางเลือกอื่นๆ ร้อยละ 3.2
อย่างไรก็ตาม หลักการในการลงทุนนั้น ผลตอบแทนกับความเสี่ยงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอ โดยการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะต่ำ ในขณะเดียวกันลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงตามพร้อมๆ กับความผันผวนได้ง่าย ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในตราสารทุนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากข้อมูลดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย พบว่าได้มีการปรับตัวดีขึ้นจากเมื่อปลายปี 2551 กว่าร้อยละ 30 ซึ่งหมายความว่าการลงทุนตราสารทุนในช่วงที่ผ่านมาถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูง
นางสาววริยายังกล่าวอีกว่า ปัจจัยหลักที่สำคัญที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มคึกคักมากขึ้น สืบเนื่องมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยและภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมองเห็นสัญญาณบวก ตลอดจนการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของตลาดหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งแสดงว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น