บลจ.ยูโอบี (ไทย) เผยยูนิตลิงก์ยังไม่ร้อนแรงเท่ากองทุนพันธบัตรรัฐบาลแดนโสม แต่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ เผยปรับเครดิต เรตติ้งเหลือ A ขึ้นไป หลังจากมองว่าภาวะเศรษฐกิจส่อแววฟื้นตัว เตรียมคลอดกองทุนเอฟไอเอฟลุยน้ำมัน หรือทองคำ ปลายปีนี้
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทเข้าไปร่วมมือกับบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ในการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ซึ่งได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท มิเลนเนียม โกรว์ธ (UOBSMG) พบว่าโดยรวมยังไม่ได้รับความนิยมเท่ากับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งยังมีคำสั่งซื้อมาเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ยังต้องมีการให้ความรู้ ความเข้าใจแก่นักลงทุน ในเรื่องเกี่ยวกับยูนิตลิงก์ว่าคืออะไร เมื่อเทียบกับการซื้อประกันชีวิต และยังมีนโยบายลงทุนคล้ายกับกองทุนด้วย โดยเริ่มมีคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนมาบ้าง โดยขึ้นอยุ่กับจังหวะและโอกาสของการลงทุนเป็นสำคัญ เนื่องจากในช่วงนี้ ตลาดหุ้นปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว นักลงทุนจึงต้องการรอลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมากว่านี้
ส่วนแผนที่จะจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) เพื่อนำนักลงทุนต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจในไทย ในลักษณะของการลงทุนในนิติบุคคล (Private Equity) ในบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ ทั้งที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และในตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนเสนอรายละเอียดให้กับนักลงทุนสถาบันในภูมิภาคเอเชียหลายราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 – 3 เดือนข้างหน้า
นายวนา กล่าวว่า ส่วนการเข้าไปร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ในการแต่งตั้งเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนให้กับบริษัทเพื่อที่จะใช้กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) มาเป็นที่พักเงินสำหรับลูกค้าที่ซื้อขายหุ้น โดยยังอยู่ในการเตรียมความพร้อมของระบบคอมพิวเตอร์ และการที่ภาวะตลาดหุ้นดี ทำให้นักลงทุนจึงให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นแทน และไม่ได้นำเงินมาฝากไว้ในกองทุนดังกล่าว ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้มีสัดส่วนเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมมองหาการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยในปัจจุบัน ผลตอบแทนของตราสารหนี้แกว่งตัวค่อนข้างมาก บริษัทจึงได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ(Credit Rating) ของตราสารหนี้จากระดับ AA เหลือเพียง A ขึ้นไปแทน เพราะว่ามีตราสารหนี้ให้เลือกลงทุนน้อย และภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวแล้ว จึงเห็นว่าสามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเท่ากับระดับ A หรือมากกว่า A ขึ้นไปนั่นเอง
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกกองทุนที่เน้นในต่างประเทศ (FIF) โดยสินทรัพย์ที่บริษัทให้ความสนใจได้แก่ น้ำมัน และทองคำ และจะเป็นกองทุนแบบเปิด แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แต่คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ได้อย่างน้อยในช่วงปลายปี 2552 ประมาณ 1 กองทุน
