นักวิเคราะห์กองทุนรวม คาด "พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข็มเเข็ง" ฉุดผลตอบเเทนตลาดตราสารหนี้ผันผวน เเนะนักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยง พักเงินใน "กองทุนรวมตลาดเงิน"เเละ "กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น" เเทน
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาว่า แนวโน้มอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรที่ผ่านมาปรับตัวลดลง หลังจากภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ว่าจะเห็นการฟื้นตัวในเร็วๆนี้ โดยตัวเลขอัตราการว่างงานในสหรัฐฯยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐฯยังไม่ได้บ่งบอกถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนนัก
สำหรับปัจจัยในประเทศอัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน ยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาแต่หากเทียบกับปีก่อนแล้วจะ ลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 12 ปี ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ในประเทศยังคงอ่อนแอ ทั้งการอุปโภคบริโภค การลงทุน และการส่งออกปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อ Yield Curve ของพันธบัตรรัฐบาลให้มีการปรับลดความชันลงโดยเฉพาะช่วงอายุ 2 ปี ถึง 5 ปี ที่มีการ ปรับตัว ขึ้นไปแรงกว่าช่วงอายุอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนในช่วงนี้ คาดว่ามีความเสี่ยงที่จะผันผวน เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับลดลงมาบ้างแล้ว และยังมีปัจจัยของอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาใหม่ ทำให้การปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนมีจำกัด เนื่องจากการออกพันธบัตรตามแผนกู้เงิน 2 แสนล้านบาท หรือ พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ในปีนี้ โดยมีความชัดเจนว่า จะเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ล็อตแรก 5 หมื่นล้านบาท แต่ส่วนที่เหลือ ซึ่งจะทยอยออกมายังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียด ซึ่งนักลงทุนที่กลัวความเสี่ยงนั้นเเนะนำให้ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน หรือตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น
สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ได้ เราแนะนำกองทุนตราสารหนี้ที่มี Duration ของพอร์ตยาว เพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในช่วงที่อัตราผลตอบแทนผันผวน โดยเราแนะนำกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารเเละ กองทุนเปิดทหารไทยธนวัฒน์ ซึ่งมีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่มตามลำดับ แต่หากเทียบสินทรัพย์ในพอร์ตแล้วกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ ดูจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าจากสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึง 98.87% ของเงินลงทุน ซึ่งมีระดับความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ และสภาพคล่องที่น้อยกว่าในขณะที่กองทุนเปิดทหารไทยธนวัฒน์ มีสัดส่วนของสินทรัพย์ประเภทนี้เพียง 14.02% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังความเสี่ยงจากอุปทานใหม่ที่จะเข้ามา โดยให้จับตาความคืบหน้าแผนกู้เงินของรัฐบาลเป็นสำคัญ และการประกาศอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ในกลางเดือนนี้ โดยเราคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม
นางสาวศุภมาส พยัคฆพันธ์ Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาว่า แนวโน้มอัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรที่ผ่านมาปรับตัวลดลง หลังจากภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ว่าจะเห็นการฟื้นตัวในเร็วๆนี้ โดยตัวเลขอัตราการว่างงานในสหรัฐฯยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐฯยังไม่ได้บ่งบอกถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนนัก
สำหรับปัจจัยในประเทศอัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน ยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาแต่หากเทียบกับปีก่อนแล้วจะ ลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 12 ปี ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ในประเทศยังคงอ่อนแอ ทั้งการอุปโภคบริโภค การลงทุน และการส่งออกปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อ Yield Curve ของพันธบัตรรัฐบาลให้มีการปรับลดความชันลงโดยเฉพาะช่วงอายุ 2 ปี ถึง 5 ปี ที่มีการ ปรับตัว ขึ้นไปแรงกว่าช่วงอายุอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนในช่วงนี้ คาดว่ามีความเสี่ยงที่จะผันผวน เนื่องจากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับลดลงมาบ้างแล้ว และยังมีปัจจัยของอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาใหม่ ทำให้การปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนมีจำกัด เนื่องจากการออกพันธบัตรตามแผนกู้เงิน 2 แสนล้านบาท หรือ พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ในปีนี้ โดยมีความชัดเจนว่า จะเป็นการออกพันธบัตรออมทรัพย์ล็อตแรก 5 หมื่นล้านบาท แต่ส่วนที่เหลือ ซึ่งจะทยอยออกมายังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียด ซึ่งนักลงทุนที่กลัวความเสี่ยงนั้นเเนะนำให้ลงทุนในกองทุนตลาดเงิน หรือตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น
สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ได้ เราแนะนำกองทุนตราสารหนี้ที่มี Duration ของพอร์ตยาว เพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในช่วงที่อัตราผลตอบแทนผันผวน โดยเราแนะนำกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารเเละ กองทุนเปิดทหารไทยธนวัฒน์ ซึ่งมีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่มตามลำดับ แต่หากเทียบสินทรัพย์ในพอร์ตแล้วกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ ดูจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าจากสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนถึง 98.87% ของเงินลงทุน ซึ่งมีระดับความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ และสภาพคล่องที่น้อยกว่าในขณะที่กองทุนเปิดทหารไทยธนวัฒน์ มีสัดส่วนของสินทรัพย์ประเภทนี้เพียง 14.02% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังความเสี่ยงจากอุปทานใหม่ที่จะเข้ามา โดยให้จับตาความคืบหน้าแผนกู้เงินของรัฐบาลเป็นสำคัญ และการประกาศอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ในกลางเดือนนี้ โดยเราคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม